วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44

Line 44 : คำสัญญา



ต่อให้จะถูกจูงมือเชื้อเชิญออกมานอกห้องอย่างดี แต่สภาพโกลาหลภายในพระราชวังกลับเข้าขั้นดูไม่ได้ คาวัลโลหน้านิ่วกับภาพของการต่อสู้เบื้องหน้า เขานึกฉุนขึ้นมาอีกหนึ่งรอบว่าอัลชาอ์ปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาได้ยังไง ถ้าตัวเองมีประสิทธิภาพพอจะรับมือ ทำไมไม่รับมือแต่แรกเล่า หลอกล่อพวกนี้เข้ามาก่อความวุ่นวายในวังเดี๋ยวบรรดาคนในวังก็ได้ถูกลูกหลงกันหมด ขนาดเขาที่เป็นมาเฟีย ยังไม่บ้าบิ่นคิดจะ"ชักศึกเข้าบ้าน"แบบนี้สักนิด


" เมื่อกี้คุณก็ออกจะวางแผนไว้แนบเนียบเสียดิบดีจนน่าหมั่นไส้ แล้วนี่อ่ะไร ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นเละเทะได้เล่าหา? " มาเฟียหนุ่มร้องถามคนที่ชักปืนออกมาถือไว้ในมือซ้าย มือขวายังคงกุมมือของเขาแน่นแบบไม่ปล่อยอย่างหงุดหงิด


" พวกคนที่นี่ออกไปหมดแล้ว ในนี้เหลือแต่ทหารกับพวกบอดี้การ์ดของคุณ กับองค์รักษ์ของผม.." ชีคหนุ่มตอบสั้น ริมฝีปากยิ้มออกมาบางๆแล้วดึงรางคนหงุดหงิดเข้าแนบชิด " ผมก็บอกแล้วไงว่า"ปิดประตูตีแมว "ความหมายของมันไม่ได้ต่างจากที่พูดหรอกนะ "


" ...คุณนี่มัน.." คาวัลโลกรอกตาขึ้นฟ้า บ่นงึมกับพฤติกรรมของชีคหนุ่มที่ชักจะทำเขาหัวหมุนเมื่อครู่นี้ยังอุตส่าห์ตีหน้าแนบเนียนวางแผนและเฉลยออกมาแบบที่ชวนตะลึง แต่ตอนนี้...กลับมาทำอะไรบ้าบิ่นอย่างชักพาพวกที่ก่อความวุ่นวายเข้ามาในวังเพื่อรุมจัดการแบบไม่ให้หลุดรอดไปได้..



..ถึงมันจะเป็นแผนที่เข้าทีก็เถอะ แต่มันก็ฉุกละหุกเสียจนเขาปรับตัวไม่ทัน ...หันมองคนข้างกายที่ก้มตัวหลบมุมและสอดสายตาดูลาดเลาอย่างครุ่นคิด..สาเหตุที่อัลชาอ์จะทำอะไรแบบนี้..คิดแล้วมันก็จะมีแต่..


"..ถ้าอยู่ข้างนอก คนของผมมีโอกาสได้รับลูกหลง กระทั่งวิธีที่ขี้ขลาดที่สุดอย่างจับชาวบ้านเป็นตัวประกันอาจจะถูกนำมาใช้..ซึ่งผมไม่คิดจะยอมให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ "


"........"คาวัลโลฟังแล้วส่งเสียงครืดคราดในลำคอ ..ว่าแล้วเชียว สาเหตุที่ทำให้อัลชาอ์ยอมทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ก็มีแค่ไม่กี่อย่าง..หนึ่งก็เพื่อคนที่เขารัก..และสอง..ก็เพื่อคนที่รักเขา..


...ทั้งน่าห่วงน่ากังวล..แต่...ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขาก็ชวนให้หลงรักเสียจนแทบอดใจไม่ไหวจริงๆ..


"...ผมรู้ว่าคุณห่วงคนของคุณ..แต่ก็ไม่น่าจะทำแบบนี้ "คาวัลโลครางงึมงำ ...ต่อให้มันจะสมเหตุสมผลก็เถอะ แต่เขาไม่เคยได้ยิน ว่าจะมีผู้นำที่ไหนยอมทำถึงขนาดนี้..เพราะนั่นแสดงว่าตัวเองก็มีความเสี่ยงสูงอยู่เช่นเดียวกัน


" ..นี่มันเป็นการทำเรื่องโง่ๆของคนกลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่ใช่การลุกฮือของประชาชนหรือการเรียกร้องที่สำคัญยิ่งใหญ่...การทะเลาะกันของชนชั้นปกครองโง่เง่าคนสองคน ไม่ควรจะทำให้ประชาชนต้องลำบาก ที่จริง..ไม่สมควรจะให้ประชาชนได้เห็นมันด้วยซ้ำ..เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาประจักษ์ถึงความโง่เขลาของผู้ที่ถูกอำนาจบังตาและนึกสมเพชมากขึ้น จัดการกันเงียบๆในวัง ถือว่าปราณีกับคนๆนั้นมากกว่าการออกไปจัดการที่กลางเมือง ให้เขาเผชิญหน้ากับสายตาดูหมิ่นของคนเซเนียยาหลายร้อยเท่า...นี่น่ะคือความปราณีสุดท้ายของผมแล้ว "


ริมฝีปากเอ่ยถ้อยคำเชือดเฉือนด้วสายตาหยามหยัน..แววตาเย็นเยียบฉายความดูแคลนและใบหน้าชาเฉยเต็มไปด้วยความสมเพชปนเวทนาเหล่าผู้กระทำการอันโง่เขลานี้ทำให้คนมองต้องนิ่งงัน..คาวัลโลค่อยคิดตามคำของชีคหนุ่ม และที่สุดเขาก็เห็นตาม ว่านี่คือวิธีที่ปราณีที่สุด..ขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่โหดร้ายที่สุดเช่นกัน..


ถึงอัลชาอ์จะบอกว่านี่คือความปราณี ที่ชีคหนุ่มจะจัดการเงียบๆเป็นการภายใน แต่มันก็หมายความว่าถ้าคนพวกนี้พลาดถูกจับได้ อัลชาอ์ก็จะจัดการ"ตามแต่ใจ"ตนเช่นกัน..


ถูกจับต่อหน้าคนหมู่มาก ต่อให้อับอาย หรือต้องถูกประณาม ทว่า..หากเป็นเช่นนี้ อาจหมายถึงชีวิตที่ต้องถูกตัดสิน อาจจะหายไปตลอดกาลโดยไม่มีใครนึกรู้ก็ได้


คาวัลโลจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายด้วยท่าทีครุ่นคิดมากยิ่งขึ้น...กับวิธีการ ที่พอมานั่งคิดดีๆแล้ว ไม่อาจะเรียกว่าใจดีได้เลย


ปัง!


ลูกปืนจากไหนไม่รู้เฉี่ยวเข้าใกล้แขนจนคาวัลโลสะดุ้งเฮือก เขาและชีคหนุ่มหันไปมองข้างหลังด้วยอารามตกใจไม่น้อย มาเฟียหนุ่มเตรียมขึ้นไกเพื่อโจมตี ทว่าร่างของ"มือปืน"ที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าราวกับจะกินหัวเขาทั้งคู่นั่นต่างหากที่ทำให้คาวัลโลต้องชะงักค้าง


" ถ้าพวกแกจะออกมานั่งเป็นเป้าให้คนอื่นยิงแบบนี้ อย่ามายืนให้รกหูรกตาซิว่ะ ! " ว่าแล้วคุณอาที่รักก็ทำท่าจะเล็งปืนใส่เขาอีกรอบ ทำเอาคาวัลโลรีบเต้นเหยง ลุกขึ้นหลบหนีจากวิถีกระสุนด้วยอาการสยอดสยองยิ่ง


" ถ้าเขายังไม่เลิกบ้า จะให้ผมลากคอไปขังในคุกสักคืนไหม?!" ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงห้วน นัยน์ตาจ้องมองชายหนุ่มผมทองเบื้องหน้า ผู้ซึ่งกำลังถือปืนเดินตรงแน่วมาที่ตนเองและมาเฟียหนุ่มข้างกาย คนที่บอกได้ว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน แต่การกระทำไม่ได้ชวนอุ่นใจหรือให้คิดแบบนั้นได้สักนิด


" อย่าสิ นี่น่ะออกภาคสนามนะ เขาก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ " คาวัลโลว่า พลางทำสีหน้าหวาดผวา "ก็แค่ยิงขู่แค่นั้น เตือนก่อนเราจะโดนสอยจริงๆเพราะมัวแต่คุยกัน "


" หึ...เขาช่างมีวิธี"ห่วงใย"คนอื่นได้แปลกประหลาดจริงนะ " ชีคหนุ่มปรายตาใส่คลาร์กที่เริ่มเดินลุยกระสุนเพื่อจัดการสอยผู้บุกรุกให้ล้มลงทีละรายๆราวกับใบไม้ร่วง...ซึ่งถ้าไม่นับการกระทำบ้าๆบอๆแสนอุกอาจนั้นแล้วล่ะก็..อัลชาอ์ก็ต้องยอมรับว่าชายคนนี้มีความเก่งกาจและเชี่ยวชาญอย่างยิ่งเลยเชียว


" แกเร็ต ! " คาวัลโลร้องเรียกเจ้าคนที่ทำหน้าเหมือนปวดท้องมาแต่ไกลลั่น ชายหนุ่มหน้ายุ่งพยักเพยิดไปทางคลาร์กที่กำลังอาละวาดได้ที่ ส่งสัญญาณที่รู้กันดีให้ไปจัดการ


" รู้แล้ว คุณจะทำอะไรก็รีบๆทำซะ...ก็รู้กันอยู่ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมานั่งเหม่อคุยกันในเวลาแบบนี้ " แกเร็ตส่ายหัวระอาพลางเดินดุ่มเข้าไปใกล้ร่างของคลาร์ก ทั้งประกบคอยระวังไม่ให้ชายหนุ่มถูกโจมตี ทั้งคอยสอดส่องปนระแวงกันท่าอยู่ในทีไม่ให้คุณอาที่รักของเขามีโอกาศสาดกระสุนมาหาคาวัลโลอีกรอบฐานหมั่นไส้หรือขวางหูขวางตา


" ให้ตายสิ "คาวัลโลบ่นกลั้วหัวเราะ มือซ้ายที่ยังคงจับมือหนาของชีคหนุ่มไว้บีบแน่น พร้อมกับหันกลับมาจ้องหน้าอัลชาอ์ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน


" ไปกันเถอะครับ " คาวัลโลเอ่ย พร้อมกันนั้นทั้งสองก็ลุกพรวด ออกจากที่กำบังพร้อมกับวิ่งลงบันไดตามหลังคลาร์กและเเกเร็ตอย่างรวดเร็ว


สภาพภายในพระราชวังของอัลชาอ์ที่ตอนนี้แทบร้างไร้ผู้คน ไม่มีร่างของบรรดาเหล่าคนรับใช้หรือเหล่าทหารรักษาการ ดูเหมือนหละหลวมไร้การรักษาความปลอดภัย แต่คาวัลโลมองเห็นกลุ่มคนซุ่มซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ทั้งบนหลังคาพระราชวัง หรือตามสุนทุมพุ่มไม้ใหญ่ๆตามสวนด้านหน้า กระทั่งตามมุมอาคารของพระราชวัง ทั้งนี้คงเป็นเพราะอัลชาอ์สั่งการไว้แล้ว ให้แสร้งหละหลวม ไม่มีคนรักษาการเหมือนอ่อนกำลังไม่มีการเตรียมพร้อม เพื่อให้"ฝ่ายนั้น"ได้ใจ และตรงรี่เข้ามาในพระราชวัง..ให้มาตกหลุมพรางที่วางไว้โดยดี


มาเฟียหนุ่มมองแผ่นหลังของผู้เป็นอาที่วิ่งรี่ไปยังประตูหน้าเพื่อจัดการผู้บุกรุกที่ดาหน้าตรงเข้าหา ตามหลังด้วยแกเร็ตซึ่งตามติดชนิดที่คาวัลโลเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือเจ้านายมันกันแน่ ก่อนจะหันไปทางขวามือซึ่งอัลชาอ์กำลังจัดการผู้บุกรุกรายหนึ่งและมีฮาซานกับจาฟาประกบติดข้างตัว


...คาวัลโลยักไหล่ พลางมองเบื้องหน้าตนบ้าง บรรดาผู้บุกรุกนี้จะว่ามีมากก็มาก แต่เพราะถูกคนที่ดักซุ่มอยู่ของอัลชาอ์สอยร่วงไปไม่ใช่น้อย จึงเหลือให้เขาจัดการเพียงนิดหน่อย มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้ม ขณะที่กระชากไหล่เจ้าคนที่กำลังเล็งไปยังแกเร็ตให้หันหลังกลับมาหา เพื่อพบกับฝ่าเท้าและหมัดที่ซัดเข้ายังหน้าท้อง พร้อมกับกระสุนปืนทะลุหน้าผากเป็นการสั่งลา


การ"ปิดประตูตีแมว"ของอัลชาอ์ดูท่าจะได้ผลเกินคาด เพราะแมวที่เข้ามานั้นมีค่าเป็นเพียงหนูตัวเล็กไร้พิษสงเสียส่วนใหญ่ คาวัลโลหมุนกระบอกปืนในมือด้วยสีหน้าเริงร่า เขาแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะคนของอัลชาอ์จัดการแทบหมดแล้ว..พวกนี้ที่เหลือก็ให้อัลชาอ์กับคลาร์กและแกเร็ตจัดการดีกว่า..


ส่วนเขาน่ะหรือ...ก็คอยสอดส่อง..ตามองหา"ตัวการ"ที่แท้จริงน่ะสิ


นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองบรรดาผู้บุกรุกที่ยังคงถูกยิงราวกับใบไม้ร่วงตรงหน้าอย่างเฉยชา นึกเสียดายขึ้นมาที่หลอดไฟถูกยิงแตก กระทั่งโคมไฟแชนเดอร์เลียอันใหญ่ที่แขวนไว้ตรงห้องโถงก็ยังไร้แสง สภาพภายในนี้จึงสลัวรางมองไม่ชัด การตามหาตัวการในสภาพแบบนี้จึงลำบากขึ้นอีกนิด..


....แต่ก็แค่อีกนิดเท่านั้น..มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเขาหรอกน่า


คาวัลโลกระโจนเข้าหลบบริเวณมุมห้อง โถงใหญ่อันเป็นด้านหน้าของวังสำหรับต้อนรับแขก บัดนี้มีร่างของผู้บุกรุกนอนเกลื่อนและเสียงปืนประสานกันโครมคราม เขากวาดตามองผู้บุกรุกที่กระจัดการจายภายนอกแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็น"เงา"ของไอ้เจ้าตัวการที่อัลชาอ์เอ่ยถึงแต่ประการใด


อยู่ไหนกันนะ?


ถ้าเป็นคนอื่นอาจอุปมาได้ว่าหลบไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย แต่ดูจากที่เคยเจอนายพลคนนั้น หมอนั่นน่าจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบซึ่งหน้า ไม่มีการหลบอยู่อย่างขี้หลาดแล้วให้เหล่าลูกน้องตายแทนเป็นแน่ ต่อให้มันออกจะโง่ที่คิดต่อกรกับอัลชาอ์หรือแสดงกริยาอะไรออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่อย่างไร คาวัลโลก็คิดว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหลบอยู่ข้างหลังแล้วให้คนอื่นตายแทน


บางที อาจจะนั่งวางแผนเคร่งเครียดกันอยู่ที่ไหนก็ได้


คาวัลโลเปลี่ยนกระสุนปืนที่ติดตัวมา นำกรอกเข้ากับรังปืนอย่างเร่งร้อน นัยน์ตาก็กวาดทั่ว พยายามจะหาตัวการที่หลบซ่อนอยู่ ขณะเดียวกันก็คอยระวังหลังให้พรรคพวกด้วย


...ไอ้อยากตรงเข้าไปลุยก็อยากอยู่หรอก แต่พวกนี้เป็นเค่เหยื่อตัวเล็ก ซึ่งเขาไม่ชอบเท่าไหร่ ...กับเขาแล้ว เหยื่อตัวใหญ่ฝีมือร้ายกาจน่าเล่นกว่ากันเยอะ


ปึง!!!


เสียงระเบิดพร้อมกับกระตูใหญ่ด้านหน้าที่พังราบลงมาทำให้ทุกคนชะงัก คาวัลโลใจหายวาบมองประตูนั้นตาไม่กระพริบ เพราะเขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้มีร่างของคลาร์กยืนอยู่แถวนั้น นี่อย่าบอกนะว่าคุณอาของเขาจะถูกไม้ทับหรือโดนสะเก็ดระเบิดตายอะไรทำนองนั้น


มาเฟียหนุ่มลุกพรวด ทำท่าจะกระโจนเข้าไปช่วยเหลือ หากแต่ร่างเงาที่ผุดลุกขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นควันและเศษซากปรักหักพังของประตูบานใหญ่ทำให้เขาชะงัก คนๆนั้นก็คือแกเร็ต เคย์ที่คาดว่าคงกระโจนไปช่วยเหลือได้ทัน


คาวัลโลมองแล้วถอนหายใจโล่งอกปนขบขัน..ชักอยากจะรู้ ว่าถ้าเขาเจอแบบนี้บ้าง แกเร็ตมันจะกระโจนมาช่วยทันแบบตอนช่วยคุณอาของเขาไหมนี่


ร่างของแกเร็ตที่ผุดลุกขึ้นมาถูกคนข้างใต้ผลักออกด้ววยท่าทีอารมณ์ขุ่น คาวัลโลมองเห็นคุณอาที่รีกลุกขึ้นมาอยู่ในสภาพปกติดีทุกอย่าง เจ้าตัวหันมาทำตาขุ่นพลางสถบด่าแกเร็ตงึมงัมเสียทีแล้วปึงปังคว้าปืนออกไปด้านนอก คาดว่าจะไปจัดการกับไอ้คน..หรือตัวอะไรก็ตามที่กล้ามาปองร้ายคนๆนั้นได้


คาวัลโลก็ผุดลุกตามไปอย่างรวดเร้วเช่นกัน หากชายหนุ่มยังคงตวัดตามองด้านหลังเพื่อความปลอดภัยเป็นระยะ แต่เขามองไม่เห็นอัลชาอ์แล้วและไม่ทราบว่าท่านชีคหายไปตั้งแต่ตอนไหน แต่หากมีฮาซานและจาฟาคอยประกบติดอยู่ก็คงจะพอวางใจได้ มาเฟียหนุ่มก้าวพรวดออกไปยังด้านนอก หากแต่ฝีเท้าย่างผ่านประตูที่ถูกระเบิดเละไปไม่ทันเท่าไหร่ แขนก็ถูกคว้าไว้ทันควัน


" ชู่ว..." เสียงกระซิบหนักแน่นคุ้นหู ทำให้ฝ่ามือที่กำลังจะฟาดกระบอกปืนใส่ผู้ปองร้ายชะงักลงอย่างกระทันหัน คาวัลโลหันขวับ สบมองแววตาเคร่งของแกเร็ต เคย์ พร้อมกันนั้นก็หันไปตามที่ถูกพยักเพยิด..


ภาพเบื้องหน้าทำให้มาเฟียหนุ่มเบิกตากว้าง จากที่เคยสงสัยบัดนี้ความข้องใจกระจ่าง ร่างของนายพลเซราวัค ในชุดทหารระดับสูงของเซเนียยายืนอยู่ตรงสวนด้านหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม ใบหน้าคร้ามเข้มไว้หนวดยาวถึงลำคอดวงตาวาววับ เบื้องหลังมีพรรคพวกอีกประมาณสิบกว่าคนพร้อมประจัญ และที่เผชิญหน้าอยู่ตรงข้าม คือร่างของชีคหนุ่ม..อัลชาอ์ จาฟา ฮาซาน และเจ้าชายฟาลซาอ์ก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน เบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายมีร่างของบรรดาองค์รักษ์ของอัลชาอ์ยืนถือปืนเล็งไปยังบรรดาผู้บุกรุกทั้งหลาย มองตามสถานการณ์แล้วนายทหารคนนั้นก็ไม่น่าจะรอด แต่ทว่านี่คงเป็นการเจรจากันก่อนจะจับกุมกระมัง


คาวัลโลนิ่งมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า ก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


" คุณอาล่ะ? " คำถามนั้นทำให้แกเร็ตหน้ามุ่ย ก่อนจะหันไปมองอีกทาง ซึ่งคลาร์ก โรเซนเบิร์กกำลังอาละวาดแบบไม่เห็นหัวคณะเจรจาตรงหน้าสักนิด


" แล้วเมื่อกี้ แกเแป็นไงบ้าง? "เขาเอ่ยถาม เพราะจากที่แกเร็ตกระโจนเข้าไปช่วยคลาร์กนั้น ก็อยู่ในระยะประชิดพอควร


" นิดหน่อย ไม่มี ....โอ๊ย ! " แกเร็ต อ้าปากปฏิเสธสั้นๆ หากเสียงที่เคยสั้นพลันต้องร้องสะดุ้งสุดเสียงด้วยอารามตกใจ เพราะฝ่ามือของบอสตรงหน้าจัดการฟาดมาที่หลังแบบไม่ออมแรง


" ปากดีจริง " คาวัลโลบ่นพลางก้มมองมือตัวเองที่มีน้ำเหนียวบางอย่างติดมา ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่ามันเป็น"เลือด"จากแผ่นหลังของที่ปรึกษาเขาเป็นแน่


" คุณอา!! แกเร็ตมันหลังหักแหนะ มาดูหน่อย ! " วาจาเกินจริงของบอสที่ตะโกนออกไปทำให้คนฟังตาเบิกกว้าง แกเร็ตหันไปท้วงคนที่โกหกหน้าตาเฉยด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย หากไม่ทันเอ่ยคำ บอสของเขาก็ลุกพรวดพร้อมๆกับฝ่าเท้าที่ซัดเข้าตรงสันหลังอย่างรุนแรงจนร่างทรุดฮวบ


" นี่...คุณ...." แกเร็ตครางในลำคอเสียงแผ่วเจ็บแปลบแลพจุกเสียเกินจะพยุงกายไหว ต่อให้แผลที่ได้รับจากแรงระเบิดนั้นจะไม่มาก มีเพียงเศษสะเก็ดระเบิดที่ทำให้หลังเป็นแผลเลือดออกพอควรเท่านั้น แต่ไอ้ฝ่าเท้าที่จงใจกระทืบซ้ำแผลเก่าแบบไม่ปราณีนั่น ทำเอาเจ็บเสียจนไม่มีแรงลุก ช่างโหดร้ายและน่ากลัวกว่าระเบิดที่ได้เจอมาเป็นไหนๆ


" อย่ามาโวยเว้ย ฉันรู้นะว่าแกชอบ " บอสตัวร้ายว่าพลางหัวเราะหึๆ มาเฟียหนุ่มละฝ่าเท้าออกพร้อมทำหน้าซื่อเมื่อคลาร์กวิ่งรี่มาหาหน้านิ่วคิ้วขมวด คุณอาของเขามองร่างเจ้าคนที่พังพาบลงกับพื้นเพราะแรงฝ่าเท้าเมื่อครู่หน้ายุ่ง คลาร์กสถบพรืดแล้วทรุดตัวลงข้างๆคนเจ็บ แม้ปากบ่นพร่ำรำคาญแต่แววตาห่วงใยไม่น้อย


..หมดตัวก่อกวนไปอีกสอง


คนก่อกวนตัวจริงยิ้มร่าพลางขยับตัวหนีห่างจากคนสนิททั้งคู่ เขาสืบเท้าขยับเข้าไปใกล้การเผชิญหน้าเบื้องหน้าอีกนิดเพื่อจะสังเกตและดูท่าทีของทั้งสองฝ่าย พร้อมกันนั้นฝ่ามือก็จับกระชับปืนแน่น พร้อมจะกระโจนเข้าช่วยเหลือทันทีที่เกิดการปะทะ




กริ๊ก.....





เสียงขึ้นไกที่ดังอยู่เบื้องหลังทำร่างทั้ร่างพลันนิ่งงัน ให้คาวัลโลตัวเย็นวูบ เขาหันกลับไปมอง หากยิ่งเบิกตากว้าง...เมื่อเจ้าของปืนนั้นคือหญิงวัยกลางคนบนรถเข็นที่เขาคุ้นตาดี ..ผู้หญิง...ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของฟาลซาอ์..


อัลลิยะห์...


"เฮ้ๆ..."เขายกมือขึ้น คาวัลโลจ้องมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตางวยงงไม่น้อย "แบบนี้ไม่ไหวมั้ง มาเฟียอย่างผมไม่ชอบลงมือกับสุภาพสตรีนะ ต่อให้แก่งั่กขนาดนี้ก็เถอะ "


" เดินออกไป "น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยสั้นๆ พร้อมกับปืนในมือขวาที่รุนแผ่นหลัง ฝ่ามือซ้ายสั่นระริกนั้นจับอยู่ที่วงล้อของรถเข็นที่ร่างผอมบางนั่งออกแรงหมุนตามต้องการเพื่อเคลื่อนกาย คาวัลโลค่อยลุกขึ้นพลางมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างกังขา...นึกไม่ถึงว่าเธอจะอยู่..และนึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามาที่นี่ทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนี้ ทั้งที่นั่งรถเข็นในสภาพอ่อนแอและแก่แบบนี้แล้วแท้ๆ...


"...นี่...ผมว่าคุณคิดให้ดีๆก่อนจะทำอะไรดีไหม ทำแบบนี้ไปก็ไม่ชนะหรอกนะ... "คาวัลโลพยายามต่อรองขณะที่เขาค่อยก้าวเท้าเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่กำลังเผชิญหน้ากันช้าๆ มาเฟียหนุ่มนึกหงุดหงิดไม่น้อย ไม่ใช่หงุดหงิดเพราะเขาพลาดท่า ไอ้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้อยู่อยู่แล้ว แต่หงุดหงิด...ที่คนตรงหน้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มือที่ถือปืนสั่งระริกและท่าทีหวาดหวั่นไม่น้อย ช่องโหว่ก็มีออกมาก แต่ที่น่าเบื่อที่สุดคือตัวเขาเอง คนที่ไม่กล้าทำอะไรผู้หญิงคนนี้ เพียงเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง


...จะบ้าตาย ทำไมถึงมีอารมณ์จะมาเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้ฟ่ะ


คาวัลโลครางงึมงัมด่าตัวเองก่อนจะตัวดสายตาไปมองหญิงตรงหน้าอีกครั้ง แม้จะฝืนทำใจเเข็ง แต่ยังไงเขาก็ไม่กล้าจะเดินเข้าไปแย่งปืน หักข้อมือ หรือกระทั่งเตะให้ปืนนั่นหลุดออกจากมือผู้หญิงคนนี้อยู่ดี ก็คิดดูสิผู้หญิงวัยไม่ไกลจากแม่ของเขาเท่าไหร่ เป็นคนป่วยนั่งรถเข็นมือสั่นเทาสีหน้าหวั่นไหวน่าสงสารออกปานนั้น จะให้ลงมือทำร้ายยังไงก็ทำไม่ลง!


" คาวัลโล " เสียงร้องของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลหน้าเสีย เขาหันไปมองอัลชาอ์ซึ่งจ้องมองตนเองด้วยสีหน้างวยงงปนตระหนกแล้วยิ้มเหย ยกมือสองข้างขึ้นแล้วส่ายหัว


" ขอโทษ แต่ผมทำไม่ลงจริงๆ ไม่ถนัดรับมือแบบนี้เลยให้ตายเถอะ " มาเฟียหนุ่มครางงึมงัม เรียกเสียงถอนหายใจจากอัลชาอ์ราวกับเหนื่อยใจ ขณะที่ฟาลซาอ์เดินตรงมาหา สีหน้าเกร็งเขม็ง


" ไม่เข้าใจ ว่าทำไมท่านถึงต้องทำขนาดนี้ " ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มแสยะขึ้นด้วยความไม่พอใจ ดวงหน้าตึงขึง


" ข้าทำเพื่อผู้ที่จงรักภักดีต่อเรา " น้ำเสียงสั่นพร่าน้อยๆ เอ่ย พร้อมกับหันไปจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม


" ท่านอย่าใช้คำว่าเราเลย..น่าขัน...ท่านทำเพื่อตนเองทั้งนั้น " ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มเหยียดขึ้นคล้ายหยัน " ทั้งที่...ข้าขอให้ท่านหยุด.."


" เราไม่มีวันหยุดจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จ เจ้าชายโปรดหลีกไปเสีย " แม้สีหน้าของอัลลยะห์จะแฝงแววรวดร้าว หากแต่กริยายังคงไม่เปลี่ยน ใบหน้าที่ยังคงความงดงามตวัดมองร่างของชีคหนุ่ม ริมฝีปากเอ่ยต่อรองเสียงเบาปานกระซิบ


"ให้สัญญาว่าจะปล่อยคนของเรากลับไป แล้วจะไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับชายคนนี้ "



คำต่อรองนั้นทำให้เจ้าชายฟาลซาอ์อ้าปากค้าง จ้องหน้ามารดาตนด้วยสีหน้าปวดร้าวแผงความตกตะลึง ขณะที่ชีคหนุ่มหน้านิ่ว จ้องมองคนที่ตนรักซึ่งถูกเล็งปืนเอาชีวิตตรงหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจไม่น้อย สมองกำลังใคร่ครวญคิดอย่างเร่งร้อน..


...หากปล่อยไป ที่วางแผนมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า คนเหล่านี้เมื่อถูกปล่อยไปแล้วแน่นอนว่าต้องหลบลี้หนีไปจากเซเนียยาด้วยความรวดเร็วเป็นแน่ กระทั่งผู้หญิงตรงหน้า อดีตราชินีอัลลิยะห์ก็เช่นกัน


แผนที่วางมาตลอดหลายปี พยายามหาหลักฐาน พยายามสืบข่าวและวางกับดักอย่างเงียบเชียบเพื่อรอเวลาพลาดท่านั้นจะต้องมาพังทลายในวันนี้งั้นหรือ?


...แต่หากไม่ปล่อย ชีวิตของคนที่ถูกปืนจ่ออยู่ตรงหน้าเล่า จะเป็นเช่นไร?


ชีคหน่มจ้องมองภาพเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ขณะที่เจ้าชายหนุ่มข้างกายพยายามใช้ความสัมพันธ์ของตนเจรจาความต่อผู้เป็นมารดาอย่างเร่งร้อน..ฟาลซาอ์ไม่อยากให้มารดาทำเช่นนี้ และอีกหนึ่งเหตุผล คงเพราะรู้ดี ว่าหากถูกจับได้โทษของอัลลิยะห์ที่เคยได้รับการยกเว้น ย่อมจะไม่มีการงดเว้นอีกแล้ว แม้ว่านางจะเป็นอดีตราชินีก็ตามที


อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโลที่เดินเข้าไปในกลุ่มของนายพลเซราวัคและบรรดาทหารคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เจ้ามาเฟียตัวแสบของเขายกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่ สีหน้ายังคงลำบากใจ ไม่ใช่เพราะหวั่นกลัวแต่ทว่าแสดงออกชัดว่าไม่กล้าทำอันตรายหญิงตรงหน้า...บางที ถ้าคาวัลโลใจเเข็งพอจะทำร้ายอัลลิยะห์ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้


คิด..แล้วชีคหนุ่มก็ได้เพียงถอนใจ ตนจะกล่าวโทษคนอื่นได้หรือ ในเมื่อผู้ที่ลงโทษหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้าไม่ลง ก็คือตัวเขาเองด้วยเช่นกัน


เรื่องที่จารเซ อัลชาอ์คิดว่ากล่าวเตือนแล้ว ส่งสัญญาณบ่งชัดแล้วว่าให้ถอยห่าง แม้หญิงตรงหน้าจะร่วมมือกันกระทำการอุกอาจเช่นใดตนก็มิได้ต้องการทำร้ายเข่นฆ่า คนที่เคยเป็นถึงแม่ของแผ่นดินไม่ควรจะถูกกระทำเช่นนั้น อัลชาอ์ได้ให้สัญญาณ ให้บทเรียนแก่หญิงตรงหน้าด้วยคำลงโทษที่บุตรชายมีต่อแม่..หากแต่เหมือนอัลลิยะห์จะไม่เข้าใจ หรือยอมรับ


แม้อัลลิยะห์ถอนตัวทันทีที่ได้รับคำเตือนในจารเซก็คงจะดี เพราะอัลชาอ์ก็บอกชัดเจนแล้ว ว่าที่จารเซคือคำเตือนสุดท้าย และจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาเป็นมดปลวกกัดกินราชบัลลังค์ของตนอีกต่อไป..


ทว่า ผู้ที่ทิฐิบังตา อำนาจและความปราถนาอยากเป็นใหญ่กลับบดบังทุกคำกล่าวเตือนสติ หรือกระทั่งความปราณีที่อัลชาอ์มีให้โดยสิ้นเชิง


"...เอ่ยคำสัญญา ต่อหน้าเราและทุกคนที่อยู่ที่นี่ แล้วเราจะปล่อยมันไป "เสียงของอดีตราชินีแว่วเข้าหู ร่างบนรถเข็นแม้ท่าทีอ่อนแรงทว่าแววตาที่สั่นไหวกลับค่อยเข้าที่ บ่งชัด..ว่านางตัดสินใจเด็ดเดี่ยว จริงจัง ท่าทีเช่นนี้บอกได้ชัดเจนว่ามิใช้เพียงคนถูกบงการหรือหุ่นเชิดบังหน้าสำหรับผู้ใด ทว่าคนชักใยที่แท้จริง คงเป็นอัลลิยะห์และเซราวัคสองคนนี้เป็นแน่


"...ท่านแม่...เหตใดท่านถึง..."


" หยุด " ชีคหนุ่มเอ่ยตัดบทเจ้าชายฟาลซาอ์สั้นๆ จ้องมองเหล่าคนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " อย่าพูดอะไรเลยเจ้าชาย..ตอนนี้ เมื่อเจ้าแสดงตัวแล้วว่าอยู่ข้างเรา แม้แต่มารดาของท่านก็คงจะไม่ฟังคำลูกชายหรอก "


"...ข้าไม่เคยเปลี่ยนความคิด..ว่าเจ้าไม่ควรคู่ " น้ำเสียงของหญิงตรงหน้าเรียบเฉย..หากแฝงแววเกลียดชัง


" เรารู้ดี..." ชีคหนุ่มรับคำด้วยสีหน้าราวกับขบขัน แม้สถานการณ์ตึงเครียด อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโล ผู้ซึ่งบัดนี้ถูกเปลี่ยนคนคุม กลับเป็นอยู่ในการกักตัวของนายพลเซราวัค ร่างสูงใหญ่ในชุดนายทหารชั้นสูงของเซเนียยาใช้ท่อนแขนแกร่งล็อคคอคาวัลโลไว้ มือขวายกปืนจ่อที่ขมับของมาเฟียหนุ่มด้วยดวงตาวาววับ และรอยยิ้มที่บ่งบอกชัยชนะ


..อัลชาอ์หรี่ตาลงช้าๆ...สีหน้าใคร่ครวญ..รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้คนรักอยู่ในอันตราย บางที..เขาอาจจะพลาดนับแต่ให้คนพวกนี้รู้ว่าคาวัลโลสำคัญกับตนเองแค่ไหน


"...เปิดทางออกจากวังและเส้นทางออกนอกประเทศ แล้วเราจะคืนมันให้ท่าน...ฝ่าบาท " น้ำเสียงของเซราวัคเอ่ยด้วยความเหนือกว่า..สีหน้าหยัน...


" วาจาท่านนับวันยิ่งน่าชัง "ชีคหนุ่มยิ้มเคร่ง จ้องมองสบแววตาสีน้ำทะเลของตัวประกันที่บัดนี้..วาววับ..


" ข้ารู้ดีว่าพระองค์ไม่มีวันปล่อยให้มันผู้นี้เป็นอันตราย ฉะนั้นอย่าได้ถ่วงเวลา ไม่อย่างนั้น กระหม่อมไม่รับรองความปลอดภัย "


" ท่านเป็นผู้มีความกล้า น่าเสียดายที่ใช้ผิดทาง " ชีคหนุ่มส่ายหน้า ผ่อนลมหายใจช้าๆ พลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้ม "แล้วคิดได้อย่างไร ว่าเราจะยอมปล่อยพวกเจ้าไป ทั้งที่เจ้าทำกับเราถึงขนาดนี้ ! "


" หรือท่านไม่สนใจว่าชีวิตมันจะเป็นเช่นได้แล้ว ฝ่าบาท !! " ดวงตานั้นเบิกกว้างเมื่อองค์กษัตริย์เบื้องหน้ายังไม่มีท่าทีหวั่นไหวใดๆ ความหวั่นกลัวเริ่มเข้าแทรก กลัวว่าแผนนี้อาจไม่เป็นผลสำเร็จ


" ข้าเชื่อ ว่าเขาดูแลตัวเองได้ "คราวนี้เสียงตอบเป็นภาษาอังกฤษเรียบเรื่อย คล้ายแบ่งปันให้คนที่นิ่งงันด้วยไม่รู้ในบทสนทนาได้รับฟัง "ใช่ไหม คาวัลโล? "


..ตาสบตา ดวงตาสีนิลสบมองดวงตาสีน้ำทะเล...นิ่ง...นาน..ริมฝีปากบางของคาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้ถูกจับเป็นตัวประกันจึงค่อยแย้มยิ้ม..


...คำนั้นเป็นคำที่เขาพร่ำบอกอัลชาอ์เสมอ และเขาได้ประจักษ์ชัดว่าชีคหนุ่มเข้าใจมันดีก็ในวันนี้..


เขาบอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องห่วงมากไป ไม่จำเป็นต้องคอยคุ้มครองตลอดเวลา ขอให้อัลชาอ์นั้น"เชื่อ"ว่าคาวัลโลคนนี้เเข็งแกร่งไม่แพ้ใครและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี


ที่ผ่านมาความคิดของอัลชาอ์ยังไม่ประจักษ์ชัด..ทว่าบัดนี้...มาเฟียหนุ่มมองเห็นมันอย่างแจ้มแจ้ง..


เพราะคำว่า"เชื่อ"จากปากของอัลชาอ์


ในเมื่อชีคหนุ่มเชื่อว่าเขาดูแลตัวเองได้ เชื่อใจว่าเขาเข้มเเข็ง เชื่อ..ว่าคาวัลโลคนนี้มีความสามารถมากพอที่จะเป็น"บอสมาเฟีย" เขาก็จะแสดงให้เห็น


คาวัลโลไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง ทำให้แผนการณ์ที่อัลชาอ์วางไว้ตลอดมาต้องพังเพราะตัวเองหรอก!


" แน่อยู่แล้ว.." มาเฟียหนุ่มรับคำด้วยสีหน้าเริงร่า ไร้อาการหวาดกลัวนัยน์ตาใสๆวิบวับน่ามองนัก " เมื่อกี้น่ะมันจุดอ่อนผมชัดๆ มาเฟียแบบผมไม่ลงไม้ลงมือกับ"ผู้หญิง"นี่นา..แล้วยังเป็น"แม่"ของ"เจ้าชายฟาลซาอ์" แต่นี่เป็นตาลุง"หนวด"เฟิ้ม ยืนอยู่"ข้างหลัง" ผมแถมยังมีลูกน้อง คอย"เล็งปืน" "ยิง"ใส่แบบนี้ จะกลัวมันไปทำไม ตอนนี้!!"


ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!



เสียงร้องเหวอแฝงความเจ็บปวดของนายพลเซราวัคถูกกลบด้วยเสียงปืนที่ดังติดกันนับสิบนัด ทั้งยังมีเสียงร้องหวีดของท่านหญิงอัลลิยะห์ดังขึ้นพร้อมอาการตัวสั่นหวาดผวา บนร่างของหญิงวัยกลางคนที่ทรงกายอยู่บนรถเข็นมีร่างของบุตรชายกระโจนเข้ามาโอบกอดปกป้องไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ขณะที่นายพลเซราวัคถูกกระชากลงนอนบนพื้น ปืนในมือขวาถูกฝ่ามือข้างขวาของคาวัลโลคว้าหมับพร้อมหักข้อมือของผู้ถือสุดแรง ร่างใหญ่นั้นเสียงการทรงตัวด้วยมือซ้ายที่คว้าหมับ กระตุกกำหนวดที่ยาวระละคอของอีกฝ่ายไว้แล้วกระชากจนนายพลใหญ่เสียสมาธิ ครางโอดโอยด้วยความลืมตัวก่อนจะถูกน๊อคไปนอนแผ่นหราบนพื้นอย่างว่องไวด้วยฝีมือของมาเฟียหนุ่ม


ร่างของบรรดาลูกน้องด้านหลังถูกคนของอัลชาอ์กระหน่ำยิงทันทีที่มาเฟียหนุ่มให้สัญญาณตะโกนลั่นในท้ายประโยค ทันทีที่คาวัลโลกระชากหนวดของเซราวัคและจัดการหักข้อมือพร้อมฟันข้อศอกเข้าที่ไหปลาร้า ขณะที่อัลลิยะห์ก็ถูกลูกชายปราดเข้าไปป้องกันจากกระสุนที่อาจถูกลูกหลง..


" ขนาดนโปเลียนยังออกกฏห้ามทหารไว้เคราเพราะมีโอกาศจะถูกศัตรูกระชากเอาตอนรบเลย น่าจะหัดคิดบ้างนะครับ ท่านนายพล " ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มเยี่ยงผู้มีชัย ขณะที่เสียงปืนค่อยเงียบหายสิ่งที่ปรากฏเบื้องหลังควันเขม่าและกลิ่นดินปืน คือร่างของบรรดาลูกน้อง และคนของนายพลเซราวัคถูกระดมยิงจนนอนแน่นิ่งกองกับพื้น เลือดสีเข้มนองเอ่อ ที่เหลืออยู่มีเพียงร่างของท่านหญิงอาลิยะห์และนายพลเซราวัคซึ่งบาดเจ็บอยู่เท่านั้น


ชีคหนุ่มกลั้นยิ้มคล้ายขบขันแม้สถานการณ์จะตึงเครียดจนแทบไม่กล้าหัวเราะ..แต่การกระทำของมาเฟียตัวแสบเบื้องหน้าทำให้ต้องอมยิ้ม..กับวิธีการแปลกๆของเจ้าตัวที่ชวนให้ขบขันและประหลาดใจอยู่เสมอ..


ทั้งกระทืบงูเเล้วเขวี้ยงใส่หน้าคนสอบปากคำยามได้พบกัน ทั้งกล้าตะโกนด่าทำร้ายร่างกายของเขาเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์และปกปิดตัวตน หรือตอนที่คาวัลโลตัดสินใจย้อนเกล็ดกลั่นแกล้งฟาติมะห์ในจารเซ มาจนถึงตอนนี้...ที่คาวัลโลแผลงฤทธิ์จัดการนายทหารที่ถือปืนเล็งจ่อขมับตัวเองให้ต้องพลาดท่าเพราะเอื้อมมือไปดึงหนวดจนอีกฝ่ายตกใจและเสียหลักด้วยความคาดไม่ถึง


อัลชาอ์ก้มลงไปคว้าแขนมาเฟียตัวแสบให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ชีคหนุ่มสบมองดวงตาใสวาววับของชายหนุ่มเบื้อหน้าด้วยรอยยิ้ม ทั้งกึ่งขันกึ่งโล่งใจที่ผ่านเหตุการณ์เสี่ยงภัยมาได้ หัวใจที่เต้นระทึกด้วยความหวั่นผวาค่อยสงบลงช้าๆยามมีเจ้าตัวแสบอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง..


ปลายนิ้วเรียวค่อนข้างเย็นแตะลงกับผิวแก้มที่มีเหงื่อซึมชื้น คาวัลโลใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดรอยเขม่าดินปืนบนใบหน้าของชีคหนุ่มไว้ พลันหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มใส ท่าทีพึงใจ


" เดารหัสลับผมออกด้วย รู้ใจกันจริงๆเลย " คาวัลโลเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มหู อัลชาอ์ฟังแล้วพ่นลมหายใจแรง ยามนึกถึงคำพูดเน้นย้ำ บอก"รหัสลับ"ของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า


คาวัลโลทำร้ายผู้หญิงไม่ลง แต่เมื่อเป็นผู้ชายแล้ว มันก็คนละเรื่อง


ประโยคที่ว่า ผู้หญิงที่เป็นแม่ของเจ้าชายฟาลซาอ์ คนตรงหน้าก็ส่งสัญญาณให้เจ้าชายหนุ่มทำหน้าที่คุ้มครองมารดาตนเอง


ถัดมาจากนั้น หนวดที่กล่าวถึงก็หมายถึงการกระทำของคาวัลโล ที่ตัดสินใจจะกระชากหนวดของนายพลเซราวัคให้อีกฝ่ายเผลอตัว


ส่วนพวกที่อยู่ข้างหลังก็บอกให้คอยเล็งและยิง ทันทีที่เจ้าตัวให้สัญญาณ..

ชีคหนุ่มมองคนในอ้อมกอดที่หัวเราะร่าอย่างไม่สนใครแม้กำลังผ่านเหตุการณ์เกือบตายมาหมาดๆด้วยความขบขันปนระอา ทั้งโล่งใจที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี ทั้งภูมิใจ กับคาวัลโล วาลกัส ที่แสนเก่งกาจ เจ้าเล่ห์แสนกลตรงหน้า..


" โอ้ยยย ทางนี้เขาจะเป็นจะตายกันไม่เห็นกันมาสนใจเลย อิจฉาจริงจริ๊งงงง " เสียงโหวกเหวกของเจ้าตัวแสบเล่นมามาในอนุสติทำให้ชีคหนุ่มมีสีหน้างวยงง อัลชาอ์ชะงัก หันไปมองยังคนที่คาวัลโลเอ่ยปากล้อเลียน นั่นก็คือชายที่มีฐานะเป็นอา คลาร์ก โรเซนเบิร์กที่อัลชาอ์ไม่ค่อยชอบหน้าคนนั้น กับชายหนุ่มผมแดงที่จำได้รางๆว่าชื่อแกเร็ตเคย์ ซึ่งอาของคาวัลโลกำลังพยุงแกเร็ตที่มีท่าทางบาดเจ็บไว้

" หุบปากไปเลย แกเร็ตมันจะไม่ตายเพราะระเบิด แต่ตายเพราะฝ่าเท้าแกนั่นแหละ คาวัลโล !! " เสียงของคุณอาแว่วมาตำหนิ คำก่นด่าทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มขัน เขากวาดตามองสภาพรอบๆอีกครั้ง ตอนนี้เมื่อตัวการใหญ่ถูกจับ นายพลเซราวัคถูกคนของอัลชาอ์คุมตัวไว้ เช่นเดียวกับร่างของท่านหญิงอัลลิยะห์ซึ่งเจ้าชายฟาลซาอ์กำลังยืนเฝ้าอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนนอกจากนั้น บรรดาผู้บุกรุกก็ถุกจับบ้างถูกสังหารบ้างแต่กระนั้นก็บอกได้ว่าสถานการณ์นั้นเริ่มเข้าที่ และกลับสู่ภาวะปกติ


เงยหน้าหันจะไปพูดกับอัลชาอ์แต่เมื่อสบมองแวงตาที่ฉายแววครุ่นคิดของชีคหนุ่มก็ต้องชะงัก..


" คุณไปพักเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว " อัลชาอ์หันมายิ้มบางๆให้มาเฟียหนุ่มพร้อมเอ่ยอีกประโยคที่ทำให้ริมฝีปากคู่นั้นหุบฉับลงทันใด "คุณจะกลับพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรือ ไปเตรียมตัวเถอะ "


"...งั้น....ผมไปนะ " คาวัลโลชะงักกับคำกล่าวนั้น สีหน้าจืดเจื่อนลงคล้ายถูกกระตุ้นให้ตระหนักถึงสิ่งที่ลืมไปชั่วครู่ สีหน้าของมาเฟียหนุ่มค่อยหมองลง ฝ่ามือที่เกาะแขนชีคหนุ่มแน่นค่อยผละจาก พลางเดินไปสมทบกับอาและคนสนิทของตนด้วยสีหน้าเงื่องหงอย


อัลชาอ์มองแผ่นหลังของมาเฟียหนุ่มที่ค่อยลู่ลงแล้วลอบถอนใจ หากหันหลังกลับและบอกตนเองไว้ให้เข้มแข็ง ..จะอย่างไรสิ่งนี้ก็ต้องมาถึงในสักวันอยู่ดี จะทำเป็นไม่รับรู้หรือนิ่งเฉยกับมันก็เท่านั้น มันฝืนไม่ได้ และเปล่าประโยชน์ที่จะรั้ง..


อีกทั้งตอนนี้...เขาต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด..


ชีคหนุ่มละสายตาจากร่างของคาวัลโล หันกลับมามองสภาพการต่อสู้เบื้องหลัง อัลชาอ์กวาดตามองแกนนำสองผุ้บุกรุกที่ต้องข้อหา"กบฎ"ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองสภาพของพระราชวังหลวงที่ชำรุดเสียหายเล็กน้อยจากการปะทะ จุดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งต้องรีบจัดการคือประตูหน้าห้องโถงใหญ่ประราชวัง ที่ถูกระเบิดไปเมื่อครู่ นัยน์ตาสีนิลมองร่างขององค์รักษ์คนสนิทที่ก้าวเข้ามาหา ก่อนจะออกปากสั่งการให้จัดการเรื่องสภาพภูมิทัศน์ภายนอกอย่างเร่งด่วน ทั้งออกคำสั่งเรียกประชุมสภาเป็นการด่วนเพื่อจัดการลงโทษผู้ที่กล้ามาอาจหาญท้าชิงบังลังค์จากตน


...............




อากาศภายนอกเย็นลงอย่างมากเมื่อบัดนี้เป็นเวลาดึกค่อนคืน การประชุมด่วนถูกจัดขึ้นทันทีที่สามารถจับกุมและคุมตัวเหล่าผู้บุกรุกทั้งหลายได้ กินเวลายาวนานหลายชั่วโมง การถกเถียงตึงเครียดนั้นผลาญพลังงานและกำลังกายไปไม่น้อยสีหน้าของอัลชาอ์จึงค่อนข้างล้าเหนื่อย ร่างสูงใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยาก้าวเท้าเข้ามาบริเวณห้องนอนอย่างเงียบเชียบ หากก็บอกปัดปฏิเสธสาวใช้ผู้จะเข้ามาดูแล ชีคหนุ่มทรุดกายลงบนเก้าอี้เล็กๆด้านหน้าห้องนอน..เหนื่อยล้า..อ่อนแรง ทว่าไม่ได้มากกว่าอ่อนใจ


ทั้งที่ควรจะพอใจ พึงใจ สาสมใจแล้วที่เหล่าคนทรยศถูกจับและต้องชดใช้ความผิดตามที่วางแผนไว้...แผนการณ์ที่ค่อยดำเนินมาเนิ่นนาน ผลของการรอคอยที่ทำให้ทุกอย่างด้วยความยากลำบากและอดทน จบลงอย่างแท้จริงในที่สุด..


...ควรจะเป็นเช่นนั้น หากหัวใจกลับเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อ่อนแรงราวกับไร้กำลัง


ร่างที่เคยยืนตรงอย่างทรนงองอาจยามอยู่หน้าผู้อื่น ทั้งยังเข้มเเข็งแกร่งกล้ายิ่งนักค่อยแปรเปลี่ยน ภาระที่แบกอยู่ช่างหนักหนาจนต้องผ่อนลมหายใจยาว ปลายนิ้วแตะลงบนขวดสุราฤทธิ์แรงที่จัดวางไว้ยังตู้กระจกที่ฝังอยู่ในผนังห้อง..ดวงตาสีเข้มปรือต่ำ..ล้าแรง..จ้องมองขวดเมรัยสีทองในมือก่อนจะค่อยรินลงในแก้ว ไม่ได้ดื่มเพื่อดับกระหาย หากจิบชิมรสเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียด


ชีคหนุ่มค่อยถอนหายใจแผ่วเบา วางแก้วลงบนโต๊ะเตี้ยๆตรงหน้า จ้องมองไอเย็นที่ระเหยออกมาบางๆเพราะตู้สำหรับใส่นั้นเป็นระบบทำความเย็นอัตโนมัติก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะจ้องมองไปภายในห้อง มองเห็นความมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงของตน


อัลชาอ์รู้ตัวดีว่าที่ตนเหนื่อยไม่ใช่เพราะเรื่องการจับกุมการประชุมที่กินเวลาเนิ่นนานหรือกระทั่งการสู้รบ ทว่า..ตนรู้ดีถึงอีกสาเหตดี เพราะ..รู้ดีถึงการจากลาเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ใจหายกับการต้องลาจากคนที่ตนเองรักสุดหัวใจ..


รอยยิ้มขื่นทาบทับบนริมฝีปาก..ยิ้มให้กับหัวใจที่ยังคงปวดแปลบ ทั้งรู้ดีและเข้าใจดีถึงเหตุผลที่คนๆนั้นจะจากไป ทว่าความเจ็บร้าวจากการลาจากคนที่รักหาใช่จะเลือนหาย แม้มีเหตุและผลที่ควรเข้าใจ เข้าใจและรู้ดีว่ายังคงหลงเหลือสิ่งที่เรียกว่า"ความหวัง"อยู่ แต่จะอย่างไร ความโศกเศร้าเสียใจจากความสูญเสียและการพลัดพรากที่จะ"ต้อง"เกิดก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักนิด


แม้จะออกปากสั่งลา แม้จะทำท่าทีว่าไม่ใจอ่อน แต่ความจริงแล้วตนเองอ่อนแอเช่นใด อัลชาอ์นั้นรู้ชัด และสมเพชตัวเองเกินจะทานทน..


ปลายนิ้วแตะแก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันเย็นเฉียบ หยิบขึ้นมาจรดมันแนบริมฝีปาก รสขมของเมรัยรสแรงแผ่ซ่าน เผาผลาญทั้งลำคอและร้อนวูบไปถึงกระเพาะ


ดื่มกิน...ทั้งเฉลิมฉลองแด่ความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเอง


..ชายที่น่าสมเพช


..ต่อให้ชนะผู้ที่หมายปองร้ายแย่งชิงเอาสิ่งที่มีอยู่..ต่อให้ชนะ..เก่งกาจฉลาดเฉลียว มีอำนาจมากล้นแล้วอย่างไร เพียงแค่หัวใจของคนๆเดียวยังไม่อาจจะเป็นเจ้าของ เพียงคนๆเดียวยังไม่มีปัญญาจะฉุดรั้งไว้สักนิด


" อัลชาอ์..." น้ำเสียงเอ่ยเรียกแผ่วเบานั้นแสนเคยคุ้น..ทำให้ร่างสูงชะงัก ดวงตาสีเข้มพลันวูบไหวด้วยความไม่แน่ใจ รู้สึกราวกับนั่นเป็นคำพูดที่ออกมาจากความคิดคำนึง ด้วยฤทธิ์สุราที่กำลังดื่มกินคอยหลอกหลอนมากกว่าความเป็นจริง..




ดวงตาสีเข้มเพิ่งมองไปยังร่างเงาเลือนรางในแสงสลัว พร้อมกันนั้นไฟดวงใหญ่ในห้องก็ค่อยสว้างจ้า ทำให้ร่างของชีคหนุ่มชะงัก ดวงตาเบิกขึ้นน้อยๆ จ้องมองร่างของคาวัลโล วาลกัส มาเฟียหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงของตนท่ามกลางแสงไฟสีนวล..

ทันทีที่สบตาแม้ไร้คำเอื้อนเอ่ยใดอีก ฝ่าเท้าก็ก้าวเข้าไปหาตาสบตาท่ามกลางแสงไฟสีอ่อนภายในห้อง อัลชาอ์ค่อยแตะปลายนิ้วเย็นเฉียบของตนลงบนผิวแก้มขาว ไล้เเผ่วเบาราวกับกลัวสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าจะเป็นเพียงภาพฝันอันเลือนราง..

" คุณมารอตรงนี้นานรึยัง? "ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา นัยน์ตายังคงจับจ้องภาพใบหน้าอันเคยคุ้นเบื้องหน้า เจ้าของร่างนั้นค่อยเอียงผิวแก้มแนบชิดเคล้าคลอ เคลียฝ่ามือของเขาราวกับแมวน้อย

" แปปเดียวเอง " เอ่ยพูดหากชีคหนุ่มรู้ดีว่านี่คงไม่ต่างจากคำโกหก เพราะผิวแก้มขาวนั้นค่อนข้างเย็นบ่งชัดว่าเจ้าตัวคงนั่งรอเขาตรงนี้มานานพอควร

" เหนื่อยไหม? " เสียงเอ่ยถามแผ่วเบาทำให้ชีคหนุ่มชะงัก...นิ่งงันไปครู่หนึ่ง พร้อมกับสบนัยน์ตาคู่นั้น เหตุที่คาวัลโลออกปากถาม คงเพราะมองเห็นที่ภาพการกทรุดกายลงอย่างอ่อนล้า ร่ำสุราราวกับคนแพ้ของตนก็เป็นได้..

...ในยามปรกติมันต้องเป็นอะไรที่เสียศักดิ์ศรีเมือคนอื่นมาพบเห็นความอ่อนแอ ทว่า กับคนๆนี้แล้ว..ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

" ผมยังไหว " อัลชาอ์ตอบคำ ไหว..แม้จะต้องกินเหล้าย้อมใจและนั่งนิ่งงันอยู่ท่ามกลางแสงสลัวก็ตาม..

" นายพลเซราวัคถูกสั่งประหาร ในข้อหากบฏ..ส่วนอดีตราชินีอัลลิยะห์ ถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านพัก ห้ามออกไปพบผู้คนและห้ามพูดจากับคนภายนอก..ตลอดชีวิต.." ชีคหนุ่มเอ่ยบอกผลของการจับกุมในครั้งนี้เบาๆ " ส่วนบรรดาพรรคพวก คนที่เป็นนายทหารระดับสูงหากร่วมขบวนการจะถูกตัดสินประหารชีวิต สำหรับพวกลูกน้อง ก็จะถูกนำตัวไปใช้แรงงานสร้างเขื่อน "

" บ่อน้ำมันของตระกูลเซราวัคกลายเป็นของรัฐรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมด ส่วนสมบัติของอัลลิยะห์ก็ตกเป็นของแผ่นดินกึ่งหนึ่ง และเป็นของเจ้าชายฟาลซาอ์อีกกึ่งหนึ่ง มาเฟียสองคนนั้นจะถูกปล่อยตัวหลังจากพรรคพวกของเขาเข้ามาเจรจาตกลงกันหลังจากนี้ ส่วนคริสกับโรเบิร์ตบินกลับประเทศไปแล้ว "

" ....และพรุ่งนี้.."

"หยุด.." ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากหนา หยุดคำพูดต่อมาของอัลชาอ์ไว้เพียงเท่านั้น

ดวงตาสีน้ำทะเลสบมองแววตาสีนิลเขม็ง จับจ้องเพื่อแสดงความในใจที่มีให้บุรุษตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวทาบลงบนฝ่ามือที่แนบแก้ม สอดทับเกี่ยวประสานจับกระชับแน่นดั่งคำมั่นสัญญาที่ไม่มีวันจางลงไป..

"...ผมบอกแล้ว..ว่าผมจะกลับมา.."

"...คุณ...." ชีคหนุ่มยิ้มอ่อน ครู่หนึ่งคล้ายมีท่าทีอ่อนใจ ก่อนจะนิ่งเพียงเท่านั้น..

"...ไม่ต้องเชื่อ แต่จำคำนี้ไว้ก็พอ " คาวัลโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตามั่นคง จริงจัง..


ปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้ลงยังผิวแก้มขาว อ่อนโยนทะนุถนอมเยี่ยงสิ่งสำคัญ อัลชาอ์จ้องสบตาคนพูดแล้วค่อยเม้มปากแน่น..ปนทอดถอนใจ..รอได้หรือไม่ได้ ทนไหวหรือไม่ไหว..มีหลัง หมดหวังหรือแล้งหวัง..เวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน

" คืนนี้...ผมขอนอนที่นี่นะ "ประโยคคำพูดนั้นแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางราวกับละเมอ หากใจความนั้นทำให้ร่างสูงชะงักอัลชาอ์ผู้กำลังอยู่ในภวังครุ่นคิดสะดุ้ง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจวูบ..

" คุณ...ควรจะพักกับคนของคุณไม่ใช่หรือ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา..ปลายนิ้วยังคงไล้ผิวแก้มขาวอย่างรักใคร่ ทะนุถนอมนัก

" ...ไม่เอาหรอก " คาวัลโลเอ่ยปากปฏิเสธ นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองสบดวงตาสีเข้มด้วยกระแสวอนเว้า " คืนนี้ผมอยากนอนกับคุณ..นะ "

"คาวัลโล..."

" ผมอยากคุยกับคุณ...คืนนี้...แค่เราสองคน..ได้ไหม? "ร่างของมาเฟียหนุ่มค่อยผุดลุกขึ้นจากปลายเตียงที่นั่งอยู่ ดวงตาคู่สวยสบมองดวงตาสีเข้ม แขนเรียวพาดลงบนไหล่หนาของชีคหนุ่มและค่อยหลับตาลงช้าๆ

" ก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะต้องไป ผมอยากอยู่กับคุณ อัลชาอ์ "

ชีคหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆจ้องมองร่างของมาเฟียหนุ่มในอ้อมกอด ร่างบางนั้นค่อยซวบซบกอดรัดเขาแนบแน่น ใบหน้างามนั้นแนบลงกับแผ่นอกหนา กระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่แฝงความอาวรณ์อาลัยไม่แพ้กัน...

อัลชาอ์แตะปลานิ้วลงบนแขนขาวผ่อง กุมแนบแน่นด้วยอารมณ์หวั่นไหวสะท้านลึก ชีคหนุ่มนิ่งงัน...ก่อนร่างที่เกร็งเขม็งจะค่อยผ่อนคลายลงและถอนหายใจเพียงแผ่วเบา

ดวงจันทร์สีเงินหม่นสลัวเลือนรางกลางหมู่เมฆครึ้มหม่นเช่นเดียวกับดวงใจ..ขอสุข เป็นวันสุดท้าย นี่ต่างก็เป็นคำขอของชายสองคนที่ตระกองกอดกันอย่างเงียบงันภายในห้องนอนกว้างขวางและเยียบเย็น


นาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ช่างเดินเร็วเหลือเกินในความรู้สึก ดวงจันทร์เสี้ยวเดินผ่านค่อนฟ้าสะท้อนให้เห็นจากหน้าต่างกรุกระจกบานหนา แสงนวลนั้นสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่มีเพียงแสงโคมไฟจากเตียงนอนใหญ่ พาดผ่านเงาร่างของสองบุรุษที่นอนนิ่งตระกองกอดกันแนบแน่นราวกับว่าเป็นวันสุดท้าย

ปลายนิ้วยาวไล้ระเรื่อยเส้นผมสีน้ำตาลทองแผ่วเบา สัมผัสเส้นผมนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมและกลิ่นของสายลมที่ไม่เคยจาง ปลายจมูกโด่งสันค่อยแตะลงบนกระหม่อมบาง สูดลมหายใจลึกและซึมซับทุกสัมผัสของร่างบางตรงหน้า ให้ตราตรึงและจดจำไว้
ในใจ ดวงตาสีเข้มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลซึ่งจับจ้องมาด้วยสีหน้าเจ็บร้าว ริมฝีปากของคนตรงหน้าสั่นไหว ไม่ต่างอะไรกับปลายนิ้วที่ลูบไล้ใบหน้าคมของชีคหนุ่มด้วยความรักใคร่แฝงแววเศร้าอาลัยยิ่งนัก

ริมฝีปากหนาค่อยแตะลงบนหน้าผากบาง ไล้ระเรื่อยมายังขมับ...ผิวแก้ม..ปลายจมูก...ไล้วนทุกตารางนิ้วของใบหน้าอย่างอ่อนโยนและอาดูรยิ่งนัก ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนเปลือกตาบาง ค่อยจูบซับน้ำตาที่ไหลพรากอาบผิวแก้มนวล ปลุกปลอบร่างบางที่สั่นสะท้านไหวไปทั้งกาย ร่ำไห้สั่นกลั้นสะอื้นเสียจนตัวโยน

"อย่าร้องไห้ .." เสียงกระซิบนุ่มทุ้มเบาๆข้างหู คำปลอบประโลมจากชายที่ตนผูกใจสมัครรักใคร่นั้นช่างนุ่มนวลและชวนให้ใจสั่นไหว ทั้งด้วยความโศกเศร้าและความอาลัยที่ทิ้งเงาอวลในหัวใจ..

...ในวันที่ไม่มีอ้อมกอดของคุณกอดกระชับแนบกาย..ผม จะทำอย่างไรดี...

คาวัลโลเม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำสบมองแววตาห่วงใยหากแฝงความรวดร้าวไม่ต่างกันของชีคหนุ่มด้วยความเจ็บปวด..หากแต่ภาระหน้าที่และสิ่งที่สัญญากันไว้นั้นทำให้ไม่อาจอยู่ได้ตามใจตน แม้จะอยากอยู่ที่นี่ อยากนอนทอดกายในอ้อมกอดอบอุ่นที่เขารักแสนรัก..ทว่า มันก็เป็นไปไม่ได้...

มาเฟียหนุ่มซบหน้าลงกับแผ่นอกหนา กลั้นสะอื้นเสียจนตัวสั่นระริก น้ำตาที่ไหลออกไม่ไม่หยุดราวกับเขาเป็นคนขี้แยหรือคนชอบคร่ำครวญน่ารำคาญนั้นจะเป็นเช่นไรคาวัลโลไม่คิดจะสนมันอีกต่อไปแล้ว คืนนี้เท่านั้น คืนนี้ที่จะเป็นคืนสุดท้าย วันที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับคนที่รักในดินแดนแห่งนี้ ได้เพียงร่ำไห้แทนคำลา โอบกอดแทนคำว่าเสียใจ..ได้เพียงแต่ทอดกายทิ้งเงาไว้ให้ตราตรึงในหัวใจของตนเองและชายหนุ่มผู้อยู่เคียงข้าง..

ให้จารจำ เพื่อสัญญา..สัญญาที่บอกไว้ว่าจะได้พบกันอีกครั้งในสักวัน..

ริมฝีปากบางที่สั่นระริกไหวค่อยแตะลงบนเรียวปากหนา ละเลียด แตะต้องเนิบช้า ให้ความหวานปนขมจากหยดน้ำตาและหัวใจที่กำลังกรีดร้องสะอื้นไห้แผ่อวลในหัวใจ ต่างฝ่ายก็รู้ดีถึงจุดสิ้นสุดของความฝัน...และความรัก ที่เมื่อต้องลาจาก..ห่างไกลกันไปแล้ว..จะกลับกลายเป็นเช่นไรก็ไม่อาจรู้

ปลายลิ้นที่สอดเข้ากระหวัดในโพรงปากแนบแน่นจนต้องครางออกมาแผ่วเบา ร่างไหวระริกยังคงน่าหลงไหลเช่นวันวาน ริมฝีปากแดงก่ำด้วยปลายฟันที่กระทบบ้างก็ขบกัดและเบียดทับนั้นยังงดงามน่ามองน่าแตะต้องเช่นไรก็เช่นนั้น ทว่า..ชีคหนุ่มกลับใช้สองมือแตะรั้ง ดึงร่างที่ค่อยเอนซบกายตนเคล้าคลอออดอ้อนให้ออกห่าง..

" อัลชาอ์..." น้ำเสียงหวานสั่นระริกคล้ายเอ่ยพ้อ ทั้งงวยงงและไม่เข้าใจ ดวงตาสีน้ำทะเลไหวสั่นด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลอนั้นจ้องมองสบนัยน์เนตรสีดำสนิทที่เข้มขึ้น สีสันจัดจ้าของแววตานั้นกำลังเอ่ยสัญญาณบอกห้ามปรามการกระทำ

" ..เรา...ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว คุณไม่ควร..ทำแบบนี้ " ชีคหนุ่มเอ่ย ..ทบทวนให้มาเฟียหนุ่มตระหนัก ให้กระหวัดนึกไปถึงคำพูดนั้น คำที่บอกว่าจะจากลา และคำนั้นก็บอกให้รู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่สิ้นสุดลง เพราะอัลชาอ์เองเป็นฝ่ายขีดเส้นทางไว้แล้ว..ซึ่งหากเลือกจะกลับ..ก็ย่อมหมายความว่าความรักนี้ต้องจบลง..

ดวงตาของผู้ฟังสั่นไหว หยาดน้ำตาที่คลอคลองนัยน์ตาคู่นั้นค่อยเอ่อนอง..หากคาวัลโลกระพริบตาถี่ เม้มปากแน่น

"..คุณนี่บางครั้งก็ยึดถึงในคำพูดของตัวเองเกินไปจริงๆนะ " เสียงหัวเราะในลำคอของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นสั้นๆ ทว่ามันกลับไร้ความขบขัน..กลับสั่นด้วยอาการกลั้นสะอื้นแฝงความขื่นขมประชดประชัน

ฝ่ามือที่วางอยู่แนบกายของอัลชาอ์เปลี่ยนมาขยุ้มโธปตัวใหญ่ของชีคหนุ่มไว้ ..ข้อมือนั้นกำแน่นจนขึ้นข้อข่าว..ทั้งสั่นระริกบ่งบอกว่าผู้กระทำกำลังระงับอารมณ์หวาดหวั่นสะท้านลึกของตนเพียงไร..

ยิ่งพูดแบบนี้มากเท่าไหร่..ยิ่งทำห่างเหินมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึก ว่ามันกำลังจะจบลงจริงๆ..

"..ถ้าคุณพูดแบบนั้น...ผมก็จะบอก..ว่าผมยังไม่ไปจากที่นี่..ผมยังไม่ได้ไป...ถึงพรุ่งนี้ผมจะต้องจากไปแต่ตอนนี้ผมยังเป็นของคุณ .." คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอริมฝีปากบางเม้มแน่น เอ่ยเสียงสั่น..สั้นเป็นห้วงๆคล้ายกำลังร่ำไห้ด้วยความระทมทุกข์ " ถึงผมจะบอกว่าให้ไกลกันผมก็ไม่กลัว ต่อให้คุณจะมีคนอื่นผมก็ไม่กลัว..แต่ความจริงแล้วผมหวั่นแค่ไหน..รู้บ้างรึเปล่า.."

" ผมไม่อยากให้คุณรักคนอื่นนอกจากผม ผมอยากให้คุณรอผมและอยู่ตรงนี้เพื่อผม แต่ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้..คุณบอกว่าไม่รอแล้ว..และ..สักวันอาจจะไม่ได้รักผม.."

" แต่ต่อให้วันหน้าคุณจะไม่รัก วันนี้เราเป็นคนอื่น หรือพรุ่งนี้คุณอาจจะทำเป็นไม่รู้จักผม..แต่คืนนี้...ไม่ว่ายังไงผมก็จะเป็นของคุณ..ต่อให้คุณไม่คิดว่านี่คือรัก..คุณจะมองว่ามันแค่เซ็กส์ก็ได้ "

สิ้นคำ ร่างบางก็โผนกายขึ้นทาบทับ กดแนบร่างสูงให้ทิ้งตัวนอนหงายลงกับเตียงหนา ริมฝีปากของคนพูดแนบชิดบดเบียดไม่มีช่องว่างให้หายใจ..ปลายนิ้วไล้ผ่านแผ่นอกหนาและหน้าท้องหนั่นแน่นไปยังส่วนกลางของร่างกายพร้อมทั้งเคล้าคลึงมันอย่างรวดเร้ว...เร่าร้อน..ดั่งจะปลุกอารมณ์และทำให้ชีคหนุ่มลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

เสียงหอบหายใจถี่ดังขึ้นแทรกความเงียบภายในห้องนอนโอ่โถงเมื่อร่างบางผละจากริมฝีปากหนา แต่คาวัลโลไม่ได้ไปไหนไกล มาเฟียหนุ่มเพียงแต่ขยับกายเข้าทาบทับ แนบชิด ละมือทั้งสองข้างจากการปฏิบัติกิจกรรมมายังเสื้อของตน...เสื้อผ้าที่บัดนี้เปลี่ยนจากโธปตัวยาวที่เขาสวมใส่อยู่เสมอเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาวแบบสากล คล้ายจะบ่งบอกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับ

ปลายนิ้วเรียวยาวสีขาวค่อยแกะกระดุมเสื้อของตนออกด้วยใบหน้าหอบแดงก่ำ ริมฝีปากที่แดงจัดด้วยจูบร้อนแรงเม้มเข้าหากันน้อยๆ ทั้งขัดเขินและรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระทึกของตน

ท่ามกลางแสนจันทร์นวลที่ค่อยสาดส่องมาภายในห้องและแสงสลัวสีเหลืองอ่อนของหลอดไฟอินเเคนเดสเซนต์จากหัวเตียง อัลชาอ์มองเห็นร่างของมาเฟียหนุ่มที่กระโจนขึ้นมาทาบทับร่างตนไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึงปนงวยงงไม่น้อย หากแต่วินาทีต่อมา เมื่อปลายนิ้วสีขาวนั้นค่อยแตะไล้ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด...ทีละเม็ด..ภาพเบื้องหน้านั้นก็งดงามเย้ายวนจนแทบหยุดหายใจ

ร่างกายขาวโพลน ท่อนบนเปลือยเปล่าเสื้อเชิ๊ตสีขาวถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด แผ่นอกขาวหอบขึ้นลงเป็นจังหวะสะท้อนแสงจันทร์นวลน่ามองนัก ผิวกายขาวผ่อง ชวนให้นึกถึงความเนียนลื่นและกลิ่นหอมที่ตนเคยสัมผัส แผ่นอกขาวนั้นถูกประดับด้วยยอดอกเล็กสีอ่อนราวกับอัญมณีเลอค่า และเมื่อกระดุมทุกเม็ดหลุดลงจนหมด ภาพร่างงามเปลือยท่อนบนสะท้อนแสงจันทร์ก็ชัดเจน..ทั้งน่ามองและยั่วเย้าอย่างร้าจกาจจนลำคอผากแห้งด้วยความกระหาย..

...ที่ต้องการ ไม่ใช่น้ำ ..หากกระหายอยากได้ คนตรงหน้า

เสื้อเชิ๊ตขาวค่อยหลุดหล่นลงไปกองบนผืนพรมยามที่คาวัลโลสะบัดแขนกระชากมันออก ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มแดงฉ่าด้วยความอับอายปนขัดเขินไม่น้อยกับการกระทำที่ตนไม่เคยคิดว่าจะได้ปฏิบัติ...เคยเห็นแต่หญิงสาวหรือผู้คนมากหน้าหลายตาทำเช่นนี้ แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องทำ เพิ่งรู้ว่ามันน่าอายเพียงใดก็ยามนี้เอง

..แต่นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของการกระทำที่ตนอยากให้ชีคหนุ่มได้จารจำเท่านั้น...ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอีกครั้ง สูดหายใจลึก ราวกับชั่งใจถึงการกระทำของตนต่อจากนี้..แต่เมื่อสบมองแววตาที่แฝงความหลงไหล และความปราถนาจากชีคหนุ่ม ร่างของคาวัลโลก็ไถลลงจากบั้นเอวหนา และทรุดกายอยู่เบื้องหน้าส่วนกลางลำตัวของอัลชาอ์ ปลายนิ้วแตะไล้ส่วนที่นูนเด่นออกมาเบาๆแต่ทำเอาร่างสูงสะดุ้งเฮือก..

" คาวัลโล..นี่คุณ..." อัลชาอ์อ้าปากร้องถามอย่างตกตะลึงไม่น้อยเมื่อรู้ว่ามาเฟียหนุ่มคิดจะกระทำการใด มองสีหน้าของคาวัลโลแล้ว อัลชาอ์ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวจะทำมันต่อได้หรือไม่ด้วยซ้ำ

" ...ผมจะทำเอง " มาฟียหนุ่มเอ่ยด้วยแววตาแน่แน่ว...แม้คำพูดจะมั่นคงไม่สั่นไหวแต่หัวใจบัดนี้กำลังกระตุกถี่ด้วยความตื่นเต้นปนประหม่า ยามได้ทอดตามองส่วนสำคัญของชีคหนุ่มที่เด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า..แต่เมื่อได้สบมองแววตาสีนิลคู่นั้น ร่างบางก็ค่อยสูดหายใจลึก ก่อนจะแตะปลายลิ้นลงบนส่วนยอดเพียงแผ่วเบา..

สัมผัสงกเงิ่นไม่เชี่ยวชาญเช่นมือใหม่ แต่เพราะคนทำคือคาวัลโล วาลกัส ที่ตนหลังรักมาเนิ่นนานร่างจึงพลันเกร็งเขม็ง..สะดุ้งหวามไหวกับปลายลิ้นและริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มที่ปรนเปรอ แม้จะเสียวสะท้านจนต้องหลับตากลั้นอารมณ์ หากแต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าบอกให้อัลชาอ์จดจ้อง เพ่งมองดั่งจะให้ตนได้จดจำไว้ชั่วชีวิต

ภาพเบื้องหน้านั้นราวกับความฝันที่เคยเกิดขึ้นยามหลับตา ร่างของเทพบุตรตัวน้อยที่ตนหลงรักกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด ผิวขาวสะท้อนแสงจันทร์นวลตาน่าสัมผัส ใบหน้างดงามนั้นกำลังจดจ่อขมวดคิ้วมุ่นกับส่วนกลางลำตัวซึ่งขยายใหญ่จนริมฝีปากบางๆสีแดงก่ำนั้นรองรบแทบไม่ไหว กระนั้นเจ้าตัวก็ยังพยายามรับมันไว้ด้วยปลายลิ้น..ดุนดันรูดไล้ด้วยนิ้วเรียวและริมฝีปากฉ่ำพราวด้วยน้ำใสติดปลายคาง ราวกับกำลังลองลิ้มชิมรสอาหารชั้นเลิศที่ตนโปรดปราน...ภาพนั้น...ทั้งความรู้สึกรวดร้าวปวดตุบตรงหว่างขากระตุ้นให้ชีคหนุ่มแทบอดรนทนไม่ไหว...

" อ๊ะ..." เสียงอุทานแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากบางเมื่อฝ่ามือหนาประคองท้ายทอยของตนพร้อมขยุ้มเส้นผมไม่เบานกให้แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบ ร่างบางถูกกระชากขึ้นมานอนแผ่บนเตียงหนาด้วยเรี่ยวแรงของอัลชาอ์โดยอ้อมแขนหนายังคงแนบจูบกอดรัด..จุมพิตที่ร้อนแรงและดุเดือดเช่นเดียวกับอารมณ์ที่ยากจะทานไหวของร่างสูง บ่งบอกชัดว่าการกระทำของตนประสบผลสำเร็จทำให้คาวัลโลนึกดีใจ ฝ่ามือเรียวจึงกอดรัดสอดประสาน ทั้งสัมผัสและตอบรับรุกไล้ร่างสูงใหญ่ของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาอย่างเต็มกำลัง

เสียงหอบหายใจแผ่วเบาดังขึ้นหลังจากริมฝีปากของทั้งสองผละจาก อัลชาอ์ไล้ปลายนิ้วลงไปเย้าหยอกยอดสีสดแผ่วเบา กลั่นแกล้งให้คนในอ้อมแขนครางเสียงแผ่วหวานด้วยความรัญจวนใจขณะที่ฝ่ามือของคาวัลโลขยุ้มโธปของอัลชาอ์แน่น ส่งสัญาณโดยไร้คำพูดให้ชีคหนุ่มปลงเปลื้องอาภรณ์ของตนบ้างไม่ต่างกัน

" ทั้งๆที่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้..."น้ำเสียงของอัลชาอ์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบแผ่วและลมหายใจแรงของกระแสความต้องการที่เชี่ยวกราก..ปะปนด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์คละเคล้ากันไปชวนให้มึนเมา

" แล้วคุณอยากให้มันเป็นแบบไหน อยากลืมผมไปงั้นเหรอ ? "คาวัลโลถามกลับด้วยน้ำเสียงรวดร้าว ดวงตาสีน้ำทะเลแฝงความเจ็บปวดไม่พอใจจ้องหน้าชีคหนุ่มเขม็ง เปล่งคำพูดว่าร้ายออกจากริมฝีปากของตนอย่างไร้ความลังเล "ผมไม่มีวันยอมหรอก ผมอยากให้คุณจำ..จำผมไว้ ห้ามลืมผม ห้ามเลิกรักผม ห้ามเลิกคิดถึงผม..สัญญาสิ...สัญญามาสิ.. "

ฝ่ามือที่ตะบปไหล่หนาหลังจากโธปสีเข้มหลุดเลื่อนจากร่างจิกแน่น ริมฝีปากบางเปล่งเสียงร้องครางครวญแผ่วเบาในลำคอด้วยความจุกเสียดยามแก่นกายร้อนแทรกเข้ามาในร่าง กระนั้นยังพยายามสะกดกลั้นความรู้สึก ริมฝีปากของคาวัลโลยังคงเอ่ยพูด พร่ำบอกซ้ำๆราวกับคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุด..

"...คุณไม่มีวันเลิกรักผม พูดมาสิ บอกมาสิว่าคุณจะรอ...บอกมาสิว่าจะไม่ไปไหน ไม่รักคนอื่น...ไม่มองคนอื่น พูดสิ...พูดออกมา..." ดวงตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองสบตาของตนนั้นช่างระทมทุกข์และสั่นไหวด้วยหยดน้ำตาที่ไหลเอ่อ ร่างบางสั่นไหวด้วยแรงกระแทกกระทั้นเบื้องล่างที่รุนแรงขึ้นทุกขณะเพราะอารมณ์ที่ใกล้จะปะทุ ..ยิ่งความรู้สึกยิ่งพุ่งสูง..ยิ่งใบหน้านั้นแดงก่ำมากท่าไหร่ น้ำตาและคำพูดของคาวัลโลก็ยิ่งดังก้องมากขึ้นเท่านั้น..

..ริมฝีปากบางยังคงเอ่ยคำเจือเสียงสะอื้นปนครวญครางแสนแปลกหู..ทั้งบังคับ ทั้งหว่านล้อม ทั้งบัญชาให้ทำตาม..

หากวิธีการพูดแตกต่างกันอย่างไร ใจความนั้นก็มีเพียงประโยคที่แสดงความหวาดหวั่น..ความเสียใจ..ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียออกมาทั้งนั้น..

ชีคหนุ่มเม้มปากแน่น เกร็งร่างเร่งจังหวะยามความรู้สึกทั้งหมดไต่ไปถึงจุดสูงสุดของความรู้สึก อัลชาอ์ประคองใบหน้าแสนรักนั้นมาแนบชิด กดประทับริมฝีปากบางที่ยังคงพร่ำเอ่ยคำที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจไม่หยุด..

ร่างของทั้งสองเกร็งกระตุก..ความสุขสมแล่นผ่าวผิวกายเมื่อร่างกายสุมสมถึงขีดสุด หากความสุขที่ได้กลับปนเปด้วยความขื่นขมกลบทับถมมันด้วยหยดน้ำตาเค็มปร่าและเสียงสะอื้นไห้..ร่างบางเกร็งกระตุกกอดรัดเขาแน่นทั้งกาย ให้แนบชิดไม่มีช่องว่าง บดเบียดผิวกายแนบแน่นด้วยหวังปราถนาให้สัมผัสนี้ไม่จางหาย ให้ร่างกายขอพวกเขาจดจำกันและกันอีกทั้งให้เจ้าของร่างนั้นจำค่ำคืนนี้ไว้ไม่เสื่อมคลาย..

ขีคหนุ่มหอบหายใจเร่า..ผละจากร่างบางที่ค่อยอ่อนระทวยซบลงบนที่นอนหนา แม้ฝ่ามือยังคงกำแน่น ปลายนิ้วจิกลงบนไหล่หนาไม่ยอมปล่อย..

..สติรู้คิดและการใคร่ไตร่ตรองค่อยหลุดหายทั้งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และด้วยรอยน้ำตาบนผิวแก้มขาวที่มองเห็น ทั้งที่ไม่ควรจะตอกย้ำซ้ำรอยจำให้เจ็บปวดยามนึกถึงเมื่อแยกทาง หากแต่ใบหน้าโศกเศร้า ดวงตาหม่นแสงทุกข์ระทมและเรือนกายเปลือยเปล่าที่ทอดกายบนเตียงกลับทำให้ความยับยั้งชั่งใจพลันเลือนหาย

ความสุขสมปนปะกับความทุกข์ระทมและหัวใจที่เต้นเร่าคล้ายจะหลุดออกจากขั้วแทรกผ่านทุกอณูความรู้สึก อัลชาอ์โน้มกายลงแนบชิดเจ้าของใบหน้าหวานคาวัลโลเลื่อนฝ่ามือแตะลงยังใบหน้าคมเข้ม ดึงให้ร่างสูงขยับแนบชิด ก้มลงสบตาและเงี่ยหูฟังคำพูดที่จะจองจำตนเองไว้ชั่วชีวิต..

" อย่า..ลืมผม "

ชีคหนุ่มขยับยิ้มขื่น ทุกข์ระทมหากปนเปด้วยความสุขสีเทาเช่นเดียวกับดวงตาของผู้เอ่ย ก่อนที่ทั้งสองจะแนบริมฝีปากเข้าหากัน..กอดรัดพัวพันสัมผัสอย่างแนบแน่นใช้เวลาทุกวินาทีที่ผ่านผันให้มีค่าที่สุด..

ก่อนพระอาทิตย์จะลืมตา ก่อนพระจันทร์จะลาจากขอบฟ้า..ก่อนที่เสียงนกร้องจะแว่วมาก..ก่อนที่ต้องลืมตาและพบว่าเป็นยามเช้า..


เช้าของวันที่ต้องจากกันไกล...


..............

งืมมมมมม..ตอนนี้หลากหลายอารมณ์ดีจิงๆ บร๊ะ

ว่าด้วยเรื่องฉากบู้ก่อนแล้วกัน เอาจริงๆงานนี้ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ อาจจะกล่าวได้ว่าเพราะมันเป็นการปิดประตูตีแมว เป็นสภาพบังคับที่ทำยังไงพวกที่บุกมาก็แพ้ และไอ้การที่ตัวเอกเดินไปยิงปืนโป้งป้างแบบชิวๆนี่ไม่ใช่แนวเท่าไหร่ จะเร้าใจก็ต้องนายเอกถูกล่าล่ะเนอะฮ่าๆ ( วกมากลั่นแกล้งกูทุกที/คาวี่)

แต่ชอบตอนนี้ที่คาวัลโลกระชากหนวด แสบจริงนะพ่อคุณ ฮ่าๆ :m20:
ส่วนตอนหลัง อยากบอกไปว่าเขียนไปก็อายไป อร้ากก ก ก ไอ้ฉาก XYZ กันนี่เคยเขียน แต่ไอ้ฉากที่คาวี่มัน..เอ่อ...นะ ทำแบบนั้นแบบบรรยาละเอียดนี่ไม่เคยเลยจะบอกว่าอายมาก แถมรู้สึกว่าตัวเองหื่นขึ้นอีกสิบแมก..โถ่ ชีวิตสาวน้อยวัยใสของข้าพเจ้าาาา /หลบตีนคนอ่าน

อารมณ์ตอนหลังๆนี่จะว่าไปก็ไม่หื่นเท่าไหร่หรอก อาจจะมีตอนแรกๆแต่หลังๆเป็นหื่นระทม...สุขปนทุกข์ สุขปนคราบน้ำตา..เฮ้อ จะจากลากันแล้วช่างน่าใจหายนัก...คาวี่จะจบแล้วอ่ะ คิดถึงลูกชาย คนเขียนแอบโหวงเหวงงง แต่ก็อยากเห็นลกชายเป็นหนังสือ ช่างสองจิตสองใจ ฮ่าๆ

แจ้งว่า อีกสองตอนคาวี่ก็จะจบแล้วนะคะ เรื่องหนังสือตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตีราคาอยู่ค่า รออีกนิด ถ้ามีรายละเอียดแล้วจะรีบแจ้งคะ

แปะเพลง ประกอบตอนนี้สักนิด

เพลง คืนสุดท้าย