วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Stone Rose's Line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน[Yaoi]

Line :28 พยายาม

สายฝนเบื้องนอกยังคงลงเม็ดไม่ขาดสาย อากาศเย็นลงทั้งด้วยเป็นเวลาค่ำคืนและด้วยสายฝนที่พร่างพรมลงบนผืนดิน นาฬิกาบอกเวลาทุ่มห้าสิบนาทีซึ่งเลยเวลาร่วมโต๊ะอาหารไปแล้ว ภายในห้องนอนของชีคแห่งเซเนียยาที่เปิดไฟสว่างจ้าจึงมีถาดอาหารสองชุดวางอยู่บนโต๊ะ ข้างกันนั้นคือกล่องปฐมพยาบาลซึ่งมีผ้าพันแผลและขวดยานวดคลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเปิดทิ้งไว้ ให้กลิ่นหอมฉุนของสมุนไพรและตัวยาส่งกลิ่นลอยเอื่อยปนเปกับกลิ่นของอาหารที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่มีใครสนใจ

บนโซฟาตัวยาวในห้อง มีร่างของหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบที่บัดนี้สินฤทธิ์นั่งเงียบอยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืนคราง นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงบวมช้ำและแดงก่ำจากการร้องไห้จ้องมองฝ่าเท้าของตัวเองที่ถูกปลายนิ้วกดย้ำลูบไล้ตัวยาให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการปวดบวมจากรอยช้ำสีม่วงที่เด่นชัดจนน่ากลัว

ฝ่ามือของชีคแห่งเซเนียยาเอื้อมไปหยิบผ้าก๊อซสีขาวพันฝ่าเท้าที่ปวดบวมเอาไว้อย่างแน่นหนา นัยน์ตาสีเข้มทอดมองฝ่าเท้าขาวจัดที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่าย ก็ได้แต่ลอบถอนใจแม้จะนึกบ่นว่าตำหนิคนที่ทำอะไรตามอารมณ์โดยไม่นึกถึงสภาพร่างกายตนเองทว่าก็พูดได้แค่ในใจ เพราะไม่อยากจะไปว่าอะไรกระทบกระเทือนจิตใจคนที่กำลังเศร้าซึมให้ร้องไห้โยเยขึ้นมาอีกรอบ

ฝ่ามือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้ก็ต้องแกะออกมาเพื่อดูอาการ มองเห็นรอยช้ำสีแดงจัดจากบาดแผลบนฝ่ามือกรากฏชัด ก็นึกเบาใจที่แผลสมานตัวมากพอที่จะไม่เกิดอาการฉีกขาดขึ้นมาอีกจากการใช้งานแบบไม่บันยะบันยังของเจ้าตัว

มือซ้ายที่เป็นแผลก็ถูกใส่ยาและพันผ้าพันแผลใหม่อีกครั้ง ฝ่าเท้าสองข้างที่เคยออกแรงเตะเข้าใส่ลูกกรงเหล็กสุดแรงแบบไม่กลัวกระดูกแตกก็ต้องใส่ยาลดอาการปวดบวมของกล้ามเนื้อไว้ก่อน ใบหน้าที่เหลือแผลรอยข่วนจางๆตรงหัวคิ้วนั้นจางลงมาก หากแต่จมูกแดงก่ำ และดวงตาบวมช้ำสีเดียวกัน อีกทั้งแววตาที่ยังคงซึมเซาของคาวัลโล ทำให้ตอนนี้สภาพร่างกาย สภาพจิตใจทั้งหมดก็ถึงเวลาเปลี่ยนจากคนเจ็บเล็กๆน้อยๆเป็นคนป่วยได้อย่างไม่ระคายปากเสียที

อัลชาอ์กุมมือซ้ายที่พันแผลเสร็จแล้วก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ชีคหนุ่มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงก่ำก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มเบาๆสัมผัสให้คนที่นิ่งเงียบผิดวิสัยหันมาสบตาอย่างเงื่องหงอย

...มองแล้วสงสารแต่ก็อดจะแปลกใจไม่ได้...อัปกริยาแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยๆและอัลชาอ์ขอเรียกมันว่า"แมวป่วย"เสียเลย

แมวน้อยจอมแปรปรวนที่ปกติไม่เคยเชื่องและเอาแต่ขู่ฟ่อๆ ตอนนี้กลับเงื่องหงอยและป่วยไข้ ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูไปในเวลาเดียวกัน

เมื่อเจ้าตัวสามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว..ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ปลอบ..ต้องคอยประคองไม่ให้ล้มไปอีกครั้งอย่างเเข็งขัน

ฝ่ามือหนากุมมือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้แล้วบีบมันเบาๆ นัยน์ตาโตๆสีน้ำทะเลคู่นั้นจึงเงยมาสบมองอยางเซื่องซึม

"...หิวข้าวไหม? " มืออีกข้างที่แตะไล้ผิวแก้มยังคงคลอเคลียสัมผัสมันอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีเข้มสบมองแววตาคู่เดิมที่จ้องมองมาที่เขาซื่อๆเชื่องๆเหมือนกับว่าตอนนี้เจ้าตัวจะไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรซับซ้อนมากมายให้ปวดหัวอีกแล้ว

"..........." ศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองส่ายไปมาช้าๆ แสดงอาการปฏิเสธโดยไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกจากริมฝีปาก

"..กินสักหน่อยสิ....วันนี้ทานแค่ข้าวเช้าเองไม่ใช่เหรอ? " กระเพาะของเจ้าตัวส่งเสียงร้องโครกครากมาสักระยะแล้ว เสียแต่เจ้าตัวไม่ใส่ใจ คงไม่ใช่ว่าไม่หิว แต่ตอนนี้ไร้อารมณ์จะกินอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้นมากกว่า

".....ก็ได้....." น้ำเสียงที่พร่าแหบเพราะเปล่งเสียงร้องไห้มานานพอดูตอบออกมาเบาๆ...และลุกจากโซฟาเดินตามหลังอัลชาอ์ที่ดึงมือเจ้าตัวให้ตามมานั่งบนโต๊ะที่วางอาหารไว้อย่างว่าง่าย ชีคหนุ่มสังเกตเห็นสีหน้านิ่วและใบหน้าที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามขยับเท้าก้าวเดินของคาวัลโลชายหนุ่มตวัดสายตาไปมองฝ่าเท้าที่พันผ้าพันแผลไว้ เพราะคิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องร่างกายตัวเองเสียหมดเป็นแน่ มารู้สึกเจ็บเอาก็ตอนนี้ที่ทำแผลให้นี่เอง

"........." เสียงแกรกรากและเสียงแก้วและจานชามกระทบกันเบาๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มาเฟียหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ
ใบหน้าเหม่อมองหน้าต่างที่สายฝนเบื้องนอกยังสาดเข้าปะทะเปะปะไม่ขาดสาย.. อัลชาอ์หยิบถาดอาหารตลอดจนจานเปล่าและช้อนส้อมไปวางหน้าคนป่วยแสนเงื่องหงอยตรงหน้า และสะกิดเจ้าตัวให้ละสายตาจากหน้าต่างให้หยิบช้อนส้อมมาเริ่มทานอาหาร

แน่นอนว่าอาหารมื้อนี้มีเพียงความเงียบงันในบทสนทนา นอกจากเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานและเสียงสายฝนที่ยังลงเม็ดไม่ขาดสายเบื้องนอก ฝ่ามือที่กำช้อนไว้ในมือของคาวัลโลขยับตักอาหารเข้าปากตนเองอย่างเชื่องช้า สลับกับอาการถอนใจยาวๆเป็นระยะ ช่างแปลกตาเสียเหลือเกินกับคนที่เคยคุ้นภาพการกินเป็นพายุบุแคมของเจ้าตัว

"...ฮาซานเป็นไงบ้าง ?" วางช้อนส้อมลงบนจานของตนเองพลางถอนหายใจออกมาอีกเฮือกแล้วเอ่ยปากถาม นัยน์ตาคนพูดฉายแววละอายใจที่เผลอไปลงอารมณ์ใส่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง

" ก็เจ็บ...แต่ไม่มากหรอก...ยังไงก็ไปขอโทษเขาเสียแล้วกัน " ชีคหนุ่มเอ่ยตอบ สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลพลางสังเกตสังกาอาการของเจ้าตัวไปด้วย

"..อืม....." ส้อมในมือขาวพันเส้นสปาเกตตี้เข้าปากคนกินอย่างเนือยๆ ทานเข้าไปอีกคำแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง...ดูไร้ชีวิตจิตใจเสียยิ่งกว่าหุ่นกระบอกตัวนึงด้วยซ้ำ

"...ขอโทษ...." ไหล่ที่เคยตั้งทรนงองอาจลู่ลงอย่างรวดเร็ว คนพูดถอนหายใจอีกเฮือกและมีสีหน้าไร้อารมณ์ยิ่งกว่าเคย

" กินข้าวซะเถอะ " มองอัปกริยาของเจ้าตัวแล้วอัลชาอ์นึกอยากจะดึงเจ้าตัวมานั่งตักแล้วป้อนให้เองเสียสิ้นเรื่อง แต่ก็จนใจด้วยคาวัลโลคงไม่ยอม...ไม่สิ...บางทีคาวัลโลอาจจะยอมก็ได้ แต่ตัวเขาก็ไม่คิดจะทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไปมากกว่านี้

"............." พยักหน้าหากแต่ก็หยิบส่อมมาม้วนสปาเกตตี้เข้าปากได้ไม่เท่าไหร่ก็ถอนหายใจยาวแล้ววางลงอย่างคนไร้ซึ่งความอยากทางอาหารโดยสิ้นเชิง..

มองอาหารส่วนของเจ้าตัวที่ยังเหลืออยู่มากโขแล้วส่ายหัว อัลชาอ์จ้องมองสีหน้าเหม่อลอยของคาวัลโลแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจชีคหนุ่มเอื้อมมือขวาไปหยิบส้อม มือซ้ายกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะมาคลายออกได้อย่างง่ายดาย และยัดส้อมใส่มือมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง

สบมองนัยน์ต่สีน้ำทะเลที่มองมาเชิงปฏิเสธ ทว่าชีคหนุ่มก็ยิ้มเคร่งขัดตาทัพไว้ก่อน

"...อีกสิบคำ..."

"....ห้าไม่ได้เหรอ? "มองสปาเกตตี้ในจานแล้วถอนหายใจเฮือก นึกถึงก้อนเเข็งๆที่ยังจุกอยู่ในลำคอทุกครั้งที่กลืนอะไรเข้าไปแล้วก็ไม่เหลือความอยากจะทานอะไรอีก

"....สิบ....ห้ามตักทีละนิดด้วย " มองคนที่ต่อรองเบาๆแล้วก็ส่ายหน้า....ท้ายสุดคาวัลโลจึงพยักหน้ารับและตักอาหารจานโปรดของตัวเองเข้าปากอีกรอบ อีกทั้งนัยน์ตาเซื่องซึมเหมือนแมวคู่นั้นก็ลอบมองมาที่เขาบ่อยๆ ดูเกรงใจและเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในที

ชีคหนุ่มลอบสังเกตอาการหลุกหลิกนั้นอย่างใจเย็น มองภาพการทานอาหารของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าประกอบกับการตักอาหารรับประทานของตนเองช้าๆ

...รู้ว่าคาวัลโลคงจะมีหลายอย่างค้างคาอยู่ในใจและต้องการคำตอบ แต่ว่า....ต้องรู้จักใจเย็นบ้าง

ก่อนจะคิดทำอะไรควรจะรักษาร่างกายตัวเองให้ดีเสียก่อน เมื่อร่างกายพร้อม การคุยธุระต่างๆจึงจะทำได้อย่างไม่ติดขัด

ทำแผลแล้วกินข้าวให้เรียบร้อยเถอะ...เพราะหลังจากนี้ ก็ยังมีเรื่องคุยกันอีกยาว...

...................
สายฝนยังพร่างพรมไม่ขาดสายแม้นาฬิกาจะหมุนไปยังเลขสาม อากาศกลางคืนในวันฝนตกซึ่งมีอยู่ไม่ถึงเดือนของเซเนียยานั้นเย็นลงอย่างน่าใจหายจนแทบไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเสียด้วยซ้ำ โคมไฟบนโต๊ะทำงานขนาดย่อมในห้องนอนเปิดไฟส่องสว่าง ขณะะที่ร่างของมาเฟียหนุ่มเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ สวมชุดนอนเนื้อบางนุ่มสบายผ้าขนหนูพาดอยู่บนไหล่ คอยซับน้ำจากเส้นผมที่เปียกชื้น

นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองไปยังร่างของชีคแห่งเซเนียยาเงียบๆ สวมรองเท้าแตะสำหรับใส่ในห้องแล้วค่อยลากเท้าไปหาคนที่กำลังปิดคอมพิวเตอร์แลปท๊อปและกวัดมือเรียกให้ไปใกล้ๆ

นั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่อัลชาอ์เริ่มทำแผลให้ใหม่อีกครั้งหลังจากเปียกน้ำไปจากการอาบเมื่อครู่ คาวัลโลจ้องมองฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้ตัวยาบางๆสลับกับนวดเคล้นฝ่าเท้าของตัวเองด้วยแววตาสั่นระริก...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ผ่าวร้อนจากการร้องไห้ยังคงแดงช้ำ แม้จะหยุดน้ำตาได้หลายชั่วโมงแล้วก็ตาม เขาจ้องมองฝ่ามือที่กำลังลูบไล้ฝ่าเท้าตนและดูแลให้อย่างอ่อนโยนด้วยสายตาซาบซึ้งยิ่งนัก

"..ไม่....ต้องทำขนาดนี้ก็ได้..." เสียงพึมพัมห้ามปรามแทบไม่หลุดจากริมฝีปาก แต่นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นก็ตวัดมาจ้อง...สบตาเพียงชั่วครู่หากแต่ผิวแก้มกลับร้อนผ่าว

".แค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไร " คำตอบนั้นทำให้ คาวัลโลเม้มปากแน่นมองอัลชาอ์ทำแผลเงียบๆ อย่างไม่คิดจะโต้เถียงอะไรอีก ฝ่ามือกำผ้าขนหนูที่เปียกชื้นด้วยน้ำไว้อย่างลังเลไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือจะ...เริ่มยังไงดี..

....เมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้...เมื่อรู้ว่าอัลชาอ์ทำเพื่อเขาขนาดไหน...มันก็..ใจแข็งต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว

ไม่สิ นับแต่เขารู้ว่าเสียทุกอย่าง...แต่เหลือเพียงผู้ชายคนนี้อยู่ตรงหน้า คาวัลโลก็ไม่คิดจะใจร้าย ไม่คิดจะ....ทำร้ายจิตใจตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว...

รู้ตัวดีว่าที่ถอยห่างออกมาเพราะหวั่นไหว รู้ดีว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันออกมาจากใจ...และ...นั่นก็มากมายเกินพอ

ไม่รู้หรอกว่านี่คือรักรึเปล่า ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรได้ดีแค่ไหน แต่...ถ้าเพียงแต่มีโอกาส เขาก็จะพยายาม...พยายามให้ดีที่สุด...

ถ้าคิดจะกลับไป...ถ้าจะกลับไปหา จะได้ไหม

จะมีใคร...อยู่ตรงนี้แทนที่เขาอยู่รึเปล่า?

...รู้ตัวดีว่าการถูกทอดทิ้งจากครอบครัวและแกงค์ ไม่อาจจะหาทางกลับไปได้อีกแล้ว เขาจึงหันกลับมามองที่เดียวที่ตัวเองยังอยู่ได้ตอนนี้
ที่เดียวกับที่ซึ่งฉุดรั้งเขาออกมาจากโลกอันมืดหม่น

...อ้อมกอดของอัลชาอ์...

ไม่สนหรอกว่ากลับมาแล้วเขามันก็ไม่ต่างกับคนหน้าด้านหรือพวกไร้ทางไป..ในเมื่อมันก็ถูกต้องแล้ว มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ถ้าไม่เสียอะไรในมือไป ก็คงมองไม่เห็นค่าของความรักที่ถูกหยิบยื่นมาให้นานแสนนาน

หากไม่มีแกงค์ ไม่มีครอบครัว ไม่มี"วาลกัส" หรือกฏข้อห้ามทั้งหลาย ไม่มีของพวกนี้..ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธผู้ชายแสนดีตรงหน้า

..แต่....

มันจะสายเกินไปรึเปล่า?

"...ผมยาวขึ้นนะ..."ปลายนิ้วแตะลงบนเส้นผมเปียกชื้น นัยน์ตาที่จับจ้องมาในระยะประชิดทำเอาคนเหม่อถึงกับสะดุ้งสุดตัว คาวัลโลมองปลายนิ้วที่สัมผัสเส้นผมชื้นของตนแล้วหยักหน้ารับช้าๆด้วยนัยน์ตาฉายแววประหม่าชัดเจน..

...พอรู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรแล้ว..มันก็...

"อืม..."รับคำเบาๆพลางสบมองนัยน์ตาสีดำสนิท

"..อยากตัดไหม? " ปลายนิ้วนั้นยังคลอเคลียใกล้ๆผิวแก้ม ความร้อนผะผ่าวที่แผ่อุณหภูมิใกล้ๆทำให้ผิวแก้มร้อนวูบขึ้นมาอย่างเผลอไผล..พอคิดว่าจะไม่ห้ามใจ พอคิดว่าจะ"พยายาม"เริ่มรัก แค่นี้ก็เริ่มขัดเขินจนทนไม่ไหวเสียแล้ว

"...ไม่เป็นไร " เขาส่ายหัวปฎิเสธช้าๆ เพราะเส้นผมที่ยาวขึ้นมาก็ใช่จะเกะกะอะไรสักเท่าไหร่

"..อืม...แบบนี้ก็น่ารักดี "แก้มร้อนวูบกับรอยยิ้มบนริมฝีปากพราวระยับที่แผ่มาถึงดวงตาคู่นั้น คาวัลโลเสหลบตาวูบผละกายออกห่างแล้วบ่นงึมงัมผ่านริมฝีปากด้วยความขัดเขินทำตัวไม่ถูก

"...ขอโทษ...คุณคงไม่ชอบ "นึกไม่ถึงว่าการขยับกายหนีเพียงเล็กน้อยกลับสร้างช่องว่างขึ้นมาอีกครั้ง หลักจากชิดใกล้กันเพียงไม่นาน สีหน้าของชีคหนุ่มที่ยิ้มละไมเปลี่ยนเป็นนิ่งขึง ทำให้คาวัลโลชะงักนัยน์ตาเบิกขึ้นด้วยความงวยงง

..พลันเขาก็นิ่งเช่นกัน...ได้แต่ก้มหน้าและหรุบสายตาต่ำทำได้เพียงเหลือบแลมองปลายคางของอัลชาอ์อย่างเงื่องหงอย

เมื่อเจ้าแมวน้อยที่เคยเชื่องพลันสะบัดตัวอกห่างและกลายเป็นเงียบซึม จะอย่างไรก็ใจร้ายกับมันไม่ลงเช่นเดิม อัลชาอ์ผ่อนลมหายใจช้าๆ ฝ่ามือยื่นไปตรงหน้าอีกครั้ง

"..ผมทำแผลให้ "

ส่งฝ่ามือซ้ายไปให้ตามเสียงเรียกนั้น วางลงบนฝ่ามืออุ่นร้อนอุณหภูมิที่แตกต่างทำให้หัวใจกระตุกวูบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คาวัลโลมองชีคหนุ่มที่เริ่มใส่ยา และพันแผลให้ตนเงียบๆ เขาเม้มปากแน่นก่อนจะเริ่มเอ่ยปาก

"...ผม....ขอโทษ..."

"..ไม่เป็นไร " อัลชาอ์รับคำเบาๆ ไม่ได้เงยหน้าจากบาดแผลขึ้นมาสบตาแต่อย่างใด

"..ขอโทษ..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบถี่จ้องมองเสี้ยวหน้าและเส้นผมสีนิลที่หยักสลวยของอัลชาอ์เขม็ง

"...พอได้แล้ว...." ลมหายใจยาวถูกระบายลงอย่างหนักหน่วง อัลชาอ์เงยหน้าขึ้นมาจากแผลที่มือ อ้าปากจะบอกว่าเสร็จแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเป็นเขาที่ต้องตกใจกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่รื้นด้วยหยาดน้ำและขอบตาที่เเดงก่ำขึ้นมาอีกครา

"...@$#..." ชายหนุ่มสถบเป็นภาษาบ้านเกิดเบาๆก่อนจะถอนหายใจและขยับเข้าใกล้คนที่เปลี่ยนจากคนเข้มแข็งดื้อรั้น กลายเป็นคนอ่อนไหวเจ้าน้ำตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฝ่ามือของชีคหนุ่มแตะลงบนผิวแก้มแล้วละเลียดเช็ดน้ำตาหยดเล็กนั้นอย่างเบามือ ชีคหนุ่มส่ายหน้า จับมือของคนขี้เซาไว้ข้างหนึ่งแล้วบีบเบาๆ

" ผมไม่ได้ไม่พอใจ..แต่คุณไม่ได้ผิดมากมายอะไรขนาดจะต้องขอโทษซ้ำๆซากๆ..." ถอนหายใจแล้วละมือออกจากใบหน้าคนฟัง " มันจะเป็นการตอกย้ำทำร้ายตัวเองเสียเปล่าๆ...เข้าใจไหม? "

" ....ผม...ขอโทษ...." พูดแล้วแต่คาวัลโลก็ยังคงจะออกปากขอโทษต่อไป อัลชาอ์ถอนหายใจ อ้าปากจะพูดหากเมื่อได้สบแววตาสีน้ำทะเลคู่นั้น กลับทำให้เขาเองที่ต้องนิ่ง....เงียบงันกับสิ่งที่สื่อออกมาผ่านแววตานั้นโดยไร้ถ้อยคำ..

ขอโทษ....

ขอโทษ....

ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจ ขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ...และขอโทษ....ที่ใจร้ายเหลือเกิน..

"...ผม...." คาวัลโลเม้มปากแน่นริมฝีปากที่สั่นระริกพยายามจะอ้าปากพูด แต่อัลชาอ์ก็ถอนหายใจและเอื้อมมือรั้งร่างของเขามากอดเอาไว้หลวมๆ ฝ่ามือหนาลูบศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองอย่างเบามือ..

"...ผมไม่เคยโกรธคุณ...คาล.."

"....ให้โอกาสผมได้ไหม? " ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยคำพูดผ่านไหล่หน้าที่ซุกซบแผ่วเบา หากเด่นชัด..ชัดเจนในสมองของคนฟัง

" คาวัลโล...?" อัลชาอ์นิ่ง..ขมวดคิ้วออกมาจางๆ...

" ...ได้รึเปล่า?" ดวงตาคู่นั้นเงยมาสบตา...แววตาเว้าวอนนั้นทำให้ชีคหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ...ทั้งยินดี...หากก็สงสัยเคลือบแคลงไปในตัวเช่นกัน..

"...ผมบอกแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้อง...ทำแบบนี้..." รอยยิ้มของชีคหนุ่มแฝงด้วยความเจ็บปวดและอึดอัดใจอย่างชัดเจน...นั่นทำให้ผู้ฟังชะงัก อ้าปากค้างด้วยสีหน้าตกตะลึง...

" ไม่ใช่...ผม "

" ฟังนะ คาวัลโล " อ้อมกอดที่เคยมีผละจากไปเหลือเพียงความเย็นยะเยียบของบรรยากาศ ร่างของชีคหนุ่มลุกพรวดจากเก้าอี้ กอดอกและขยับฝีเท้าเดินรอบโต๊ะทำงานช้าๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด..ทิ้งให้คาวัลโลนั่งนิ่งอึ้งอยู่บนโต๊ะ เขาได้แต่มองตามร่างสูงของท่านชีคแห่งเซเนียยาด้วยแววตารวดร้าว...ไม่เข้าใจ...

....หรือคำพูดของเขาจะไม่มีน้ำหนัก ไม่มีความสำคัญพอจะเชื่อถืออีกแล้ว..?

..............

"...ที่ผมฟังมา ไม่ใช่ว่าคุณจะไร้หนทาง พี่ชายและครอบครัวคุณยังไม่ได้ตัดขาดเสียหน่อย พวกเขาห่วงคุณมาก...ที่พี่ชายคุณต้องการจะส่งคนมาหาเพราะเขาไม่อยากให้คุณมีอันตราย ถึงลุงของคุณจะ...ยกเลิกการรับตำแหน่งของคุณไปก่อน..แต่ว่าเราก็ใช่จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้...ผมจะหาทางช่วยคุณเอง.."

" อัลชาอ์..."

" ผมไม่คิดจะฆ่าหรือทำอะไรคุณแล้วนะคาวัลโล สบายใจได้ ตอนนี้ที่ควรทำคือตั้งสติ และหาทางออก คุณไม่ใช่คนที่จะมาจมกับเรื่องราวผิดหวังแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? "

"..อัลชาอ์"

" ...ตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะช่วยกันหาทางออก ..ทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณและผม...เรา..."

" เงียบนะ!!! "เสียงตะโกนลั่นของมาเฟียหนุ่มหลังจากคำพูดของชีคแห่งเซเนียยากำลังอธิบายแผนการณ์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด...เสียงตะโกนนั้นทำให้ร่างที่เดินว่อนชะงักฝีเท้า และหันมามองตาเขาในที่สุด..

"...ฟังผม...ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว " ร่างเพรียวลุกขึ้นจากกเก้าอี้ ที่สุดแล้วเศษเสี้ยวความอ่อนแอและอ่อนไหวทั้งหลานก็ถูกปัดให้พ้นจากตัว เมื่อโกรธจัดเสียจนคิดอะไรไม่ออก นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับเพ่งมองวงหน้าคมของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา คาวัลโล วาลกัสหัสเราะออกมาเบาๆ แม้สีหน้าของเขาจะบ่าชัดว่าไม่ขำ

"...ไม่ว่าใครจะเป็นจะตายทางนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับผมอีกต่อไป ไม่ต้องการคือไม่ต้องการ ไม่เอาคือไม่เอา ...ผมไม่มีสิทธิจะกลับไป...นั่นก็คือไม่มีสิทธิ..."

" คาวัลโล ..."

" ผมถามคุณมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว...และยังไม่ได้คำตอบ...." นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับแดงก่ำ จ้องมองดวงตาของชีคหนุ่มเขม็ง " ผมถามว่าอยู่ที่นี่ได้รึเปล่า...เป็นครั้งที่....สี่...หรือห้า...อะไรแบบนั้น "

ร่างเพรียวก้าวเท้ามาประจัญหน้า จ้องมองนัยน์ตาสีเข้มเขม็งไม่ยอมหลับ ริมฝีปากของคาวัลโลเม้มแน่น สีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการคำตอบนั่นทำให้ชีคหนุ่มต้องประจัญหน้าอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกัน

"...คำว่าไม่ต้องการ ไม่ได้หมายความถึงของที่ไม่อยากได้แล้วก็เขวี้ยงทิ้ง สำหรับ"พวกเขา" ไม่ต้องการ คือไม่มีสิทธิจะกลับไปให้เห็นหน้า ไม่มีค่าที่จะมีชีวิตต่อ...รู้รึเปล่า? " คาวัลโลกลืนก้อนแข็งๆในลำคอลงไปอย่างยากเย็น และเขาก็เริ่มหัวเราะอีกครั้ง " ....ต่อให้เขาจะเป็นลุงผมเขาก็ทำได้ ที่ผมเสียใจเพราะอะไร? คุณคิดว่าเพราะไม่ได้ตำแหน่งงั้นเหรอ..นั่นก็ใช่ แต่ไม่มากกว่าที่ลุงไม่รักผมแล้ว เขาสั่งฆ่าผมทันทีที่ผมกลับไปเหยียบอิตาลี...หรืออาจจะทำแม้กระทั่งผมอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ...ผมจะขัดขืนยังไงกับคนที่มีครอบครัวผมเป็นตัวประกันในมือ ลุงอาจจะเอาพี่ผมเป็นบอส...และเพราะเป็นบอสนั่นล่ะ ครอบครัวของผมถึงได้ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น..เขาจะฆ่าทุกคน..ที่ขวางทาง...เข้าใจไหม?"

"...ที่ผมทำได้ก็คือไปให้ไกลจากอิตาลีมากที่สุด...อย่าได้เข้าไปเหยียบที่นั่นอีก...นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมทำได้...ต่อให้เก่งแค่ไหนผมก็สู้มาเฟียทั้งแกงค์ไม่ได้..ผมไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว..."

".........."

"...เพราะแบบนี้ผมถึงได้ถาม...แต่ถ้ายังไม่มีคำตอบจากคุณ...ก็พอกันที..." ดวงตาคู่นั้นวาววับด้วยน้ำตาที่ใกล้จะรินไหล คาวัลโลสูดหายใจลึก...ล้มได้ก็ต้องลุกได้...ใช่...ล้มแล้วลุกเองได้ แต่จะเหมือนเดิมได้ไหม?

...จะกลับไปที่เดิมที่เคยอยู่ได้รึเปล่า?

โลกนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ง่ายดายขนาดนั้น ราฟาเอลโร่มันก็บอกเขาเป็นนัยๆแล้วว่าตอนนี้ข่าวของเขาแพร่พระจายไปทั่วแล้วว่ากลายเป็นอีตัวอยู่บนเตียง ซุกตัวหลบหลังอยู่ในการคุ้มครองของอัลชาอ์ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงไม่ต้องการเขา เพราะข่าวเสื่อมเสียแบบนั้น...การกระทำที่ผิดมหันต์สำหรับคนจะเป็นบอส..

...เป็นเพราะเขาพลาด คิดจะตายกลบเกลื่อนตัวตน..แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องครั้งนี้พิสูจน์ให้เขาเห็น ว่าข่าวที่พยายามผิดให้มิดแค่ไหน มันก็ไปเร็วมากแค่นั้น

แผนที่คิดว่าสามารถปกปิดได้เหนือชั้นและไม่มีใครมองออก ท้ายที่สุดก็รั่วไหลและสร้างความเสียหายให้คตัวเขามากกว่าที่คาด

..ใช่...เพราะเขาพลาดจึงไม่มีสิทธิกลับไป พลาดตั้งแต่ถูกหลอกให้ไปโจมตีอัลชาอ์ พลาดนับแต่ถูกจับ..บางที อาจจะพลาดตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่ประเทศอาหรับเอมิเรตส์

เพราะชีวิตไม่มีปุ่ม"รีเซ็ต"ให้เริ่มต้นใหม่ เพราะฉะนั้นเขาที่พลาดไปแล้ว..ถึงได้หมดหนทางจะกลับไป..

"...คุณไม่ได้หมดทางไปขนาดนั้น " อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของคนพูด ชีคหนุ่มส่ายหน้าช้าๆอย่างเคร่งขรึม

" ผมถึงได้ถามทางจากคุณไงล่ะ..." คาวัลโลจ้องหน้าคนพูด เขาหัวเราะขื่นๆออกมาพลางยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ ราวกับจะสงบสติอารมณ์ " ผม....อยากจะอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ เพราะอย่างน้อยผมก็...สบายใจ..."

" ตำแหน่งบอสสำคัญสำหรับคุณมาก..."ชีคหนุ่มจ้องหน้าคนพูดเขม็ง สีหน้าราวกับจะตัดสินใจบางสิ่งบางอย่าง

"...พอได้แล้ว !!! " ริมฝีปากบางเม้มแน่น ตวาดออกไปเสียงห้วน น้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาเริ่มซึมชื้นอย่างช้าๆ " เพราะสำคัญผมถึงเสียใจไง เพราะสำคัญผมถึงได้กลายเป็นไอ้บ้าอยู่แบบนี้ ! ...แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้แล้วจะทำยังไง ผมจะดันทุรังยังไงไหว ในเมื่อตอนนี้มีผมแค่คนเดียว ! ....คุณกำลังเฉไฉ ไม่ตอบสิ่งที่ผมอยากรู้...แต่บางที นี่อาจจะเป็นการบอกให้ผมรู้ทางอ้อมก็ได้..."

"....ในเมื่ออยู่ที่นี่ไม่ได้ผมก็จะไป...หรือจะลากผมไปฆ่าตามกฏก็เรื่องของคุณ ผมถามคุณคำถามเดียว แต่ในเมื่อยังไงก็ไม่ได้คำตอบ ก็ป่วยการจะซักไซ้ "

มาเฟียหนุ่มสุดหายใจแรงเขาทำท่าจะพลิกตัวหันหลังกลับ เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะพูดต่อ ในเมื่อพูดยังไง คนตรงหน้าก็ไม่ยอมฟัง และไม่ยอมเชื่ออยู่ดี..

เอาแต่คิดจะเลือกทางที่เขาทิ้งไปแล้ว คอยแต่จะยัดเยียดสิ่งที่พยายามตัดใจทิ้งมาให้

..ทำไมล่ะ ทำไมล่ะ คุณน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ? คุณน่าจะพอใจที่ผมไม่อยากไปไหนแล้ว แต่ทำไมถึงได้พยายามจะลากผมกลับที่เดิมนักหนา

...ที่ตรงนั้นมันไม่สนุกหรอกนะ ต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา ทั้งสูงทั้งหนาว ไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร มีแต่ศพคนตายก่อเป็นบันไดให้เดินไปเรื่อยๆ

แล้วทำไมถึงต้องให้ผมกลับไป หรือต้องการจะให้ผมไปไกลๆตากันแน่

" เดี๋ยวก่อน คาวัลโล นี่คุณกำลังใจร้อนอีกแล้วนะ ทำแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ! " อัลชาอ์กำแขนมาเฟียหนุ่มแน่น ชีคหนุ่มบีบมันแน่นขึ้นแล้วเขย่าแรงๆราวกับจะให้คนที่โกรธจนโมโหหัวฟัดหัวเกวี่ยงได้สติเสียที

"...ถ้าผมใจร้อน คุณมันก็ไอ้บ้าที่กำลังหนีความจริง !! " เม้มปากแน่นแล้วจ้องหน้าคนพูดเขม็ง...แต่...ทว่าก็ทำได้เพียงไม่นานนักเมื่อความเจ็บปวดแล่นเริ้วจนเขาต้องหลบตาคู่นั้นอยู่ดี " ...คุณทำเป็นไม่สนใจว่าผมกำลังจะพูดอะไร...ทั้งที่ผมคิดแบบนั้นจริงๆแต่คุณก็ไม่เชื่อ....ผมพยายาม..ผมพยายามแล้วนะ....ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจเสียที "

".....เรื่องนั้น..."สีหน้าคนฟังลังเลไปชั่ววูบ แรงบีบที่น้อยลงทำให้คาวัลโลสะบัดแขนตนเองให้หลุดออกจากมือหนาได้ในที่สุด

" .. คำพูดผมมันไม่น่าเชื่อถือใช่ไหม? ผมมันไอ้คนสับปลับงี่เง่าที่ทำให้คุณเสียใจอยู่ตลอดเวลานี่..จะโกรธผมไม่เชื่อใจผมก็สมควร
แล้ว...ถึงตอนนี้ผมจะบอกว่าอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่กับคุณ คุณก็เอาแต่จะลากผมกลับไปที่เดิม..ทั้งๆที่ผมตัดใจไปแล้ว.." นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันกลับมาจ้องมองเขาอีกครั้ง ด้วยแววตาคู่เดิมที่แสนคุ้น เจ้าตัวไม่ได้ร้องไห้ แต่ความสับสนทุกข์ระทมในแววตาแสดงออกเด่นชัด...ก่อนที่น้ำใสๆจะค่อยเอ่อล้นขอบตาและอาบแก้มใสอย่างเชื่องช้า

ราวกับปลายมีดแหลม ค่อยกดลงตัดหัวใจที่เต้นตุบให้เลือดค่อยนองเอ่อ..

ช้า...หากแต่ทรมารราวกับจะขาดใจ..

"....ต่อให้ผมเลวแค่ไหนในสายตาคุณ ก็ไม่คิดจะล้อเล่นกับหัวใจใคร...ผมเคยพูดกับคุณยังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ...ผมบอกว่า...จะรักใคร..ผมก็จะทำแบบนั้น..." คาวัลโลเม้มปากแน่น นัยน์ตาที่สบมองแววตาของชีคหนุ่มค่อยหรุลงช้าๆ ทิ้งแพขนตาหนาทาบแก้มใส "...ผมจะพยายาม...ได้ยินไหม....ผมจะพยายาม..."

...ถึงมันจะสายไปแล้ว..

ถึงแม้คุณจะไม่ได้รักผมอีกแล้ว.

แต่ขอโอกาสให้ผมหน่อยได้ไหม? ขอโอกาสให้ผม"พยายาม"จะรักใครสักครั้ง..

ฝ่ามือหนาแตะทาบแก้มขาวที่อาบน้ำตา ปลายนิ้วของชีคอัลชาอ์แตะลงบนเปลือกตาและขนตาเปียกชื้นที่สั่นระริกไหว..ชีคแห่งเซเนียยาทอดมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยืนหลับตานิ่ง ริมฝีปากและฝ่ามือสั่นระริกรอคอยคำตอบของเขาที่จะเป็นดั่งคำตัดสินโชคชะตาของตนเอง..

..หัวใจที่เคยเจ็บแปลบบัดนี้เต้นกระหน่ำรุนแรง ปลายนิ้วไล่สัมผัสใบหน้าที่ฝันหาทุกอนู..ทั้งเปลือกตา หางคิ้ว ริมฝีปาก จรดปลายจมูกโด่งสัน..

หากตกลง จะได้เป็นเจ้าของ..

แต่ก็หาใช่เจ้าของที่แท้จริง

คำว่า"พยายาม"บอกชัดเจนว่ายังไม่ได้รัก..

แต่จะ"พยายาม"รัก พยายามรู้จักความรัก...

ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาจะให้โอกาสหรือไม่..?

โอกาสที่จะให้ชายหนุ่มที่เป็นดั่งเด็กทารกหัดเดินเรื่องความรักเบื้องหน้าได้รู้จักและเติบโตได้ด้วยคำๆนี้เสียที..

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยและถอดใจไปแล้วครั้งหนึ่ง...โอกาสที่ริบหรี่เหลือเกินกลับเปล่งประกายโชติช่วงอยู่เบื้องหน้า..หากแต่ว่า มันอาจจะต้องแลกกับความเจ็บช้ำมากมายนัก..

หากสำเร็จก็จะได้รัก แต่หากไม่สำเร็จ ครั้งนี้คงเจ็บปวดรวดร้าวนัก..

จะเลือกรักและ"พยายาม"เช่นเดียวกับชายหนุ่มตรงหน้า จะเสี่ยงเดิมพันอีกครั้งเพื่อหัวใจที่ตนเองต้องการ หรือจะรักษาใจของตนไม่ให้เจ็บซ้ำ ด้วยการปล่อยให้ทุกอย่างหลุดลอยไป..

..ขึ้นอยู่กับเวลานี้

" รักผมไหม คาวัลโล ? " น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นไหวประหลาดหู คาวัลโลไม่รู้ว่าเพราะมันเจือสะอื้นหรือเพราะด้วยความยินดีกันแน่ ชายหนุ่มนึกสงสัยเปลือกตาของเขากระตุกถี่ หากแต่ก็ยังไม่เปิดขึ้นมา..

"..ผม......จะ...พยายาม.." เขาพูดได้เพียงเท่านี้ บอกได้เพียงเท่านี้จริงๆ ไม่อยากโกหก และไม่คิดว่าคำโกหกจะทำให้ใครยินดีได้ โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ จะอย่างไรคำโกหกว่ารัก มันคือคำโกหกที่ร้ายแรงที่สุดในโลก

มาเฟียหนุ่มค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาสีนิลที่ฉายชัดถึงความรวดร้าว..ให้หัวใจเจ็บแปลบ..

หากแต่อัลชาอ์ก็ยังยิ้ม..ยิ้มออกมาอย่างกึ่งเศร้ากึ่งสุข..

"...ถือว่าผมขอ...อย่าให้ความพยายามของคุณและผมเปล่าประโยชน์เลยนะ " ฟังคำพูดนั้นแล้วหัวใจปวดแปลบจนน้ำตารินไหล ไม่รู้ว่าด้วยสุขหรือเศร้าจนปวดใจอ้อมกอดนี้จึงทั้งอุ่นร้อนและเย็นยะเยือกนัก..

หากแต่ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บและอ่อนไหว มันก็ยังคงเป็นที่ต้องการ..
แม้เดิมพันครั้งนี้จะสูงจนหากพลาดพลั้งแล้วคงไม่แคล้วต้องขาดใจตายก็ตามที

"...ผมจะ...รักคุณ...จะเรียนรู้ที่จะรักคุณ...ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ..อัลชาอ์..." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม เขาขยับตัวออกจากอ้อมกอด ทรุดตัวลงคุกเข่าซ้ายลงข้างหนึ่ง พร้อมกับยื่นมือมาหา..

"........." สีหนาของชีคหนุ่มเปลี่ยนจากขรึมปนเศร้าเป็นตกตะลึงทันควัน เมื่อพบกับท่าทางพิลึกพิลั่นของมาเฟียหนุ่ม อัลชาอ์หน้าเบี้ยวกับมือที่ยื่นมาจากคนตัวเล็กกว่าซึ่งกำลังคุกเข่าขอ...ความรัก?

"...อย่าทำหน้าแบบนั้น นี่เป็นวิธีขอคบเป็นแฟนไง.." นัยน์ตาสีน้ำทะเลพราวระยับแม้เปื้อนน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย หนุ่มอิตาเลียนที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกติดอันดับโลกกำลังพยายามจะใช้ยุทธวิธีดั้งเดิมสำหรับขอความรักอย่างไว้ลาย จะเสียก็แต่คนที่เขากำลังแสดงให้เห็น ไม่ใช่สาวน้อยนี่สิ

"..ได้ประ......."

"...คบกับผมนะ " ร่างทั้งร่างปลิวหวือจากแรงดึงของมือที่แตะลงบนฝ่ามือขวาทำให้ประโยคที่กำลังจะพูดขาดหาย คาวัลโลร้องเหวอในลำคอเบาๆเมื่ออัลชาอ์ดึงตัวเขาไปกอดแน่น แถมยังกระซิบพูดคำที่เขาคิดจะพูดเสียดิบดีด้วยแนะ..

"...อะไรกัน ขี้โกง ตัดหน้า " นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองค้อน ดูน่ารักน่าชังนักในสายตาคนมองนัก

"...ก็ผมเป็นคนหลงรัก...ผมต้องพูดสิ.." ชีคหนุ่มยิ้มออกมาได้ในที่สุด แม้ดวงตาจะฉายแววกังวลจางๆ แต่บรรยากาศแสนสุขในห้องทำให้ไม่อาจจะขังตัวเองให้คิดมากอยู่ได้ตลอด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าแมวในอ้อมกอดเริ่มออกลายซุกซนให้รื่นเริงอีกครั้ง

"..ยิ้มแล้ว.." ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มแล้วลากวาดตามริมฝีปากที่กำลังยิ้มให้ตนอยู่ " ดีใจที่คุณยิ้ม..."

"...อืม...." ริมฝีปากหนาแตะลงบนปลายนิ้วเรียวที่วางบนเรียวปาก อัลชาอ์โอบร่างของมาเฟียหนุ่มและออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงเจ้าตัวให้มานั่งบนเก้าอี้นวมตัวเดิม..ขณะที่ร่างของคาวัลโลยังไม่ผละจากอ้อมอกของเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงอยู่ในสภาพกอดกกซุกซบกันอย่างสมบูรณ์แบบ..

ความใกล้ชิดแบบนี้เป็นเหมือนอดีตที่ผ่านผันมานานนักแล้วสำหรับเขาทั้งคู่ เวลาเดือนกว่าๆที่ผ่านมาจะว่าเร็วก็เร็ว ช้าก็ช้าในความรู้สึก...

บางคราสุขนัก..มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะลอยมา บางครั้งก็เคร่งเครียด ทะเลาะวิวาท ไม่พอใจกันจนเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บางที นี่อาจจะเป็นครรลองของความรัก...วิถีทางของความรู้สึกที่ค่อยพัฒนานเรื่อยๆ

จากรู้จัก เป็นชิดใกล้ และค่อยขยับเจ้ามาหากันทีละน้อย แม้จะผละห่างเป็นบ้างครั้ง แม้จะแตกร้าวบ้างเป็นบางครา แต่ตอนนี้ก็ได้กลับมาใกล้ชิดกันในที่สุด..

...และใกล้มาก..มากกว่าที่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ..

ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

"...อือ...." เสียงครางงึมมันลอดออกมาจากรอมฝีปากบางเมื่อใบหูถูกงับเล่นและไล้เลียแผ่วเบา ชวนให้จั๊กจี้และขนลุกวาบ..

"...ยังไม่ได้ตอบผมเลย.." ชีคหนุ่มกระซิบถาม อ้อมกอดรัดรึงร่างเพรียวบนตักให้แนบแน่นขึ้นราวกับไม่ให้เหลือช่องว่างใดๆอีก

" ครับ..ผมจะคบกับคุณ..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันมามองสบอย่างหนักแน่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความจริงใจจนไม่อาจคิดได้ว่าเป็นคำโกหก " ผมจะพยายามรักคุณ..ผมจะรักคุณ...ผมจะเป็นคนรักของคุณ..."

" ถึงตอนนี้ผมจะไม่รู้ ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมันคือความรักรึเปล่า..แต่ผมยืนยันว่าคุณคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย..คุณคือคนเดียวที่ทำให้ผมร้องไห้ คนเดียวที่ทำให้ผมอยากจะรัก..และไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกแบบนี้.. นอกจากคุณ "

"...ผมรักคุณ...คาวัลโล..." ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากมน แผ่วเบา หากแต่หนักแน่น ย้ำชัดราวกับคำสาบานแทนนิจนิรันดร์..คำพูดของชีคแห่งเซเนียยานั้นช่างน่าฟังนัก..

"..ครับ...ขอบคุณ..." ปลายนิ้วเรียวทั้งสองค่อยสอดประสานกันอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากของคนทั้งคู่ค่อยเคลื่อนเข้ามาหากัน ทาบทับ ดูดดึงและเลียไล้ สัมผัสริมผีปากและปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน หากร้อนเร่าและค้นหา..

ควานหาทุกอย่างของคุณ... มองหาทุกความลับ.. สัมผัสทุกความอ่อนไหว..

ให้รู้ชัด..ว่าคุณเป็นของผม ว่าตอนนี้เราเป็นของกันและกัน..


นัยน์ตาที่หลับพริ้มเปิดออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเสียงลมหายใจหอบสั่น ผิวแก้มขาวขึ้นสีจัดด้วยอารมณ์หวามไหวและด้วยดวงตาสีนิลที่จับจ้องไม่ห่าง มันแสนรักใคร่และลึกซึ้งเสียจนใครก็ต้องใจสั่น

ลุกจากเก้าอี้บุนวมหนาพร้อมกับสืบเท้าไปยังเตียงนอนในห้อง หากริมฝีปากที่โฉบพริ้วทักทายกันก็ไม่ได้ผละห่าง มีเพียงปลายเท้าที่อ่อนโน้มเดินตามร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดรัดรึง..

เสียงลมหายใจหอบหนักขึ้นยามแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่ม ดวงที่หลับพริ้มเปิดขึ้นมาสบมองแววตารักใคร่หลงไหลของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาอย่างปลาบปลื้ม ปลายนิ้วแตะไล้ไหล่หนาและแผ่นอกแกร่ง กระหายอยากรู้ทุกส่วนสัดของชายผู้เป็นคนรัก ไม่ต่างจากฝ่ามือหนาที่สอดไล้ชายเสื้อขึ้นมาถึงแผ่นอก สัมผัสผิวขาวสะอาดตาและยอดอกสีสดน่าลองลิ้ม..

ครางออกมาเบาๆในลำคอ แต่เสียงที่ได้ฟังมีเพียงลมหายใจร้อนแรงที่รินรด ปลายนิ้วที่สะกิดยอดอกสีเข้มทำให้กระแสความอ่อนไหวแล่นพล่านทั่วร่าง เสื้อนอนสีอ่อนถูกถอดจากศรีษะไปให้พ้นตัวเหลือเพียงกางเกงขาวยาวเนื้อนิ่ม ไม่นานโธปสีน้ำตาลเข้มก็ถูกปลายนิ้วเรียวไล่แกะกระดุมออกจนสาบเสื้อแบออกกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งหนาน่าสัมผัสไม่แพ้กัน

"อืม...." ความเย็นวาบจากโลหะที่แขวนอยู่บนลำคอทำให้คาวัลโลครางฮือ มาเฟียหนุ่มผละริมฝีปากออกจากการเกี่ยวกระหวัด นัยน์ตาที่หรี่ปรือพร่าเลือนด้วยแรงอารมณ์กวาดปะทะสร้อยกางเขนสีเงินบนลำคอ ชายหนุ่มมองฝ่ามือสีเข้มและไล้มันเบาๆ ราวกับป็นคำถามที่ส่งมา

เงยหน้าไปสบมองแววตาคุกรุ่นของชีคหนุ่ม เขามองเห็นกุตราห์สีเข้มบนศรีษะของอัลชาอ์ นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบช้าๆราวกับครุ่นคิดสิ่งใด

"..ถอดไปเถอะ..." แตะปลายนิ้วที่เล่นไล้กางเขนเงินบนลำคอเล่นอย่างเพลินมือเบาๆ ทำให้นัยน์ตาสีเข้มก้มมาสบมองอย่างสงกาไม่น้อย หากแต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้ารับเมื่อชีคหนุ่มค่อถอดมันออกจากลำคอเขาและวางลงบนหัวเตียง..

..เช่นเดียวกับกุตราห์สีเข้มที่ถูกฝ่ามือของเขาดึงออกไปเช่นกัน..

สีหน้าของอัลชาอ์แฝงแววประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ชีคหนุ่มก็พยักหน้ารับ ริมฝีปากหนาโฉบลงมาทายทักเรียวปากบางที่เป็นสีจัดอีกครั้ง หลังจากจัดการถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งหมดที่มีในร่างให้เปลือยเปล่าทั้งคู่..

ร่างของสองบุรุษกอดกกกันแนบแน่นไม่ยอมผละห่าง ฝ่ามือและปลายนิ้วของทั้งสองลูบไล้เรือนร่างของกันและกันอย่างร้อนแรง ราวกับอัดอั้นและกระหายอยากไม่มีที่สิ้นสุด..

..ไม่มีชีค..ไม่มีมาเฟีย..

ไม่มีศาสนา ไม่มีประเพณีที่แตกต่าง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า..

ที่ตรงนี้ เวลานี้ มีเพียงผู้ชายสองคนที่กำลังสานสัมพันธ์รักกันเท่านั้น ..

ร่างของทั้งสองกกกอดกันแนบแน่นเสียจนไม่มีช่องว่าง แสงไฟสว่างที่สาดเข้ามาปะทะร่างทำให้เห็นผิวเนื้อทุกตารางนิ้วชัดเจน ทั้งผิวกายขาวจัดที่ตอนนี้ขึ้นสีเป็นสีชมพูทั่วกายด้วยแรงอารมณ์ และดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นที่งดงามเสียยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ สีระเรื่อของผิวเนื้อตัดกับผิวกายสีเหลืองนวลของชีคหนุ่ม ฝ่ามือหนาที่ทาบลงบนแผ่นอก ปลายนิ้วสะกิดและบดขยี้ยอดอีกสีสวยของมาเฟียหนุ่มอย่างเพลินมือให้คาวัลโลส่งเสียงครางฮืมในลำคอ ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวเนื้อนุ่มซึ่งบัดนี้ไม่หลงเหลือพื้นที่ใดให้ประทับตราลงไปอีกฝากรอยกลีบกุหลายสีสวยปรากฏชัดบนผิวอ่อนใส ท่อนขาของมาเฟียหนุ่มกอดไล้และสอดทับร่างสูงใหญ่ของอัลชาอ์ไว้ เสียดสีผิวกายร้อนผะผ่าวเข้าหากันสร้างอารมณ์หวาม ใบหน้าซุกซบลงยังไหล่หนา ริมฝีปากและจมูกซอกซุกสัมผัสซอกคอแกร่งและแผ่นอกหนาของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้

ฝ่ามือที่ระเรื่อยมาตามท่อนล่างทำให้ความรู้สึกเสียววูบยิ่งสาดปะทะ ร่างเพรียวครางสั่นในลำคอเมื่อมือหนาสัมผัสส่วนกลางลำตัวแล้วเริ่มหยอกล้อมันอย่างรวดเร็ว แว่วเสียงลมหายใจและเสียงหัวเราะในลำคอของชีคหนุ่มกระซิบใกล้หู คาวัลโลจึงเอื้อมมือไปหาส่วนนั้นของอัลชาอ์เสียบ้าง มาเฟียหนุ่มอดจะครางงึมงัมออกมาอย่างขัดใจไม่ได้ เมื่อสัมผัสถึงขนาดที่แม้ไม่ได้มองก็รู้ว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คิดแล้วฉุนเล็กๆจนอยากจะกลั่นแกล้งกลับบ้าง ฝ่ามือที่แตะสัมผัสจึงเข้าเกาะกุมมันและไล้เล่นกับส่วนนั้นของอัลชาอ์เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำกับเขา

เสียงหอบหายใจแรงสลับเสียงเสียดสีกันของผิวเนื้อดังแทนบทสนทนาที่ขาดหาย ริมฝีปากทั้งสองหันกลับมาพบกันอีกคราจากที่เลาะเล็มขบกัดผิวกายอีกฝ่ายหยอกเย้า บทรักเริ่มแปรเปลี่ยนจากการหยอกเอินสัมผัสเรือนกาย เป็นความเร่าร้อนของทั้งสองฝ่าย ด้วยจังหวะของฝ่ามือทั้งคู่ที่ปฏิบัติการกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายเต็มที่ ดูกันว่าใครจะสามารถอดทนกับคลื่นอารมณ์ที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆได้ไหว

".อ่ะ..." เสียงหอบหายใจแรงถี่กระชั้นและร่างที่เริ่มเกร็งแน่นของมาเฟียหนุ่ม ทำให้อัลชาอ์ขยับยิ้มสมใจ ฝ่ามือของชีคหนุ่มออกแรงกระตุ้นอารมณ์คนใต้ร่างสุดฝีมือกระทั่งแผ่นหลังของอีกฝ่ายหยัดโค้ง ใบหน้าของหนุ่มอิตาเลียนบิดเบี้ยวไปชั่วครู่เมื่อหยดน้ำสีขุ่นกลั่นตัวออกจากปลายยอดของกายตนในมือของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา อัลชาอ์ก้มลงเลียไล้มันอย่างไม่รังเกียจซ้ำยังดูดดุนจนร่างเพรียวถึงกับสะท้านเฮือกบิดตัวร้องอุธรณ์ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว

"..อือ....พอแล้วครับ...อัล...ชาอ์..." ริมฝีปากบางเอ่ยห้ามเมื่อชีคหนุ่มคิดจะรีดทุกหยาดหยดออกจากกายตนทั้งที่บทรักเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่มัวพร่าด้วยหยดน้ำตาพยายามสบมองดวงตาสีนิลที่ฉายแววลามกของชายหนุ่มบนร่างตน คาวัลโลเม้มปากแน่น ฝ่ามือเอื้อมไปจิกกระชากเส้นผมสีดำสนิทนั้นเบาๆเมื่ออัลชาอ์กวาดปลายลิ้นลงไปยังช่องทางคับแคบด้านหลังไล้เลียแค่เพียงภายนอกแต่แค่นั้นก็ทำให้เขาต้องครางฮืออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว..

"...ขี้โกง...อ่า...." ริมฝีปากที่เอ่ยคำบริภาษนั้นกลายเป็นเสียงครางวะหวิว เมื่อปลายนิ้วยาวสะกิดยอดอก ทั้งลูบไล้เพียงแผ่วเบาและบีบดึงอย่างรุนแรง ทำให้ความซ่านสยิวแล่นวูบทั่วร่าง ประกอบกับปลายนิ้วที่กดลงบนช่องทานด้านหลังเบาๆแต่ความเจ็บแล่นพล่านไปถึงกระดูกสันหลัง

นิ้วเรียวค่อยสะกิดไล้และสอดกายลึกเข้าไปในช่องทางที่ไม่เคยมีใครสัมผัส คาวัลโลครางฮือใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนซ่านสยิว เขาสบมองนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นที่จับจ้องพร้อมกับเอ่ยเสียงกระซิบปลอบโยนและเชยชม มาเฟียหนุ่มสั่นระริกไปทั้งตัวยามที่ส่วนกลางลำตัวของชีคหนุ่มซึ่งชโลมเจลหล่อลื่นกำลังตระหง่านอยู่เบื้องหน้าช่องทางของตน...

สีหน้าซีดเซียวปนยอกแสยงของมาเฟียหนุ่มทำให้อัลชาอ์ต้องก้มลงกอดจูบปลอบกระซิบ ปลายนิ้วเรียวที่สอดใส่เข้าไปทำความเคยคุ้นขยับเข้าออกช้าๆเพื่อสร้างอารมณ์หวามไหว และเมื่อดวงตาสีน้ำทะเลงดงามคู่นั้นหรี่ปรือลงด้วยแรงพิศวาสอีดครั้ง แก่นกายหนาจึงค่อยกดเข้าไปยังช่องทางร้อนอย่างช้าๆ...

แม้จะไม่ดึงดันรุนแรง ทว่าชนาดที่แตกต่างกับนิ้วมากนักก็ยังทำให้ร่างเพรียวตัวสั่นระริก จุกเสียดเสียจนหน้าเขียว กว่าจะขยับผ่านร่างที่เกร็งแน่นมาได้ อัลชาอ์ก็แทบจะพ่นลมหายใจพรู แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ด้วยเพราะความรุ่มร้อนที่รัดรึงอยู่นี้ช่างเย้ายวนนนักจนไม่อาจจะปล่อยตัวปล่อยให้ใจไม่เพลิดเพลินกับมันได้

ค่อยขยับ...ช้าๆหากแต่เสียงครางสั่นที่พยายามเก็บไว้ในลำคอของคาวัลโลก็ยังดังลอดออกมาจนน่าสงสาร เนื้อตัวสั่นเทาเป็นสีจัดของหนุ่มอิตาเลียนตรงหน้าน่าหลงไหลพอๆกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่หรี่ปรือมีหยาดน้ำใสคลอเอ่อ ริมฝีปากเม้มแน่นหากบางคราก็ต้องเปล่งเสียงครางวะหวิว ใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนเสียวซ่านทั้งน่าสงสารหากแต่เย้ายวนนัก ชวนให้ขยับกายแทรกเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายลึกกว่านี้..ให้แสดงอารมณ์อันหลากหลายและใบหน้าที่ตนเองไม่เคยเห็นมากกว่านี้...เพื่อจะได้เก็บทุกมุมทุกความทรงจำตราประทับไว้ในหัวใจ เพื่อจะได้รู้จักชายตรงหน้าในทุกแง่มุมที่ไม่เคยสัมผัส

เสียงครางแผ่วหวานลอดออกมาจากลำคอบางแต่ก็ไม่อาจพ้นการรับรู้ไปได้ เสียงเนื้อเสียดสีกระทบกันคลอไปกับเสียงสมหายใจหอบสั่นและผ่าวร้อนของคนทั้งคู่ ยิ่งกดแทรกกายลึกเสียงหวานของมาเฟียหนุ่มตรงหน้าก็ยิ่งดังสะท้านเป็นห้วงๆ น่าฟังเสียจนกระทั่งผู้ใดผ่านมาได้ยินคงจะหน้าแดงวาบด้วยความอาย เสียงร้องผะผ่าวกระตุ้นให้บทรักยิ่งร้อนเร่าและทะยานไปสู่จุดหมาย ขาเรียวที่พาดลงบนไหล่หนาถูกรั้งสูงขึ้นเมื่อความรู้สึกยิ่งพุ่งทวีขึ้นสูงมากมายจนยากจะหยุด..

"...อ๊าาา....ผม...อือ...อัล..ชาอ์.." เสียงร้องแหบพร่าสะท้านสั่นของคาวัลโลยิ่งเร่งเร้าให้เลือดในกายเดือดพล่าน ชีคหนุ่มกระโจนจ้วงขยับกายโถมเข้าหาช่องทางอุ่นร้อนที่รัดรึงกายของตนอย่างรุนแรงและรวดเร็ว นัยน์ตาสีนิลสบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์รักอันยั่วเย้าของคาวัลโล วาลกัสเขม็ง ก้มกายลงไปแนบชิด เรียวปากทาบทับกดย้ำบนริมฝีปากบางที่สั่นระริกไหว..

"...ฮื้อ!! " เพราะริมฝีปากถูกดูดดุนปลายลิ้นพัวพันกันแนบแน่นเสียงครางจากลำคอจึงออกมาไม่มากนัก หากร่างเพรียวที่สั่นระริกไหวสีหน้าสุขสมฉายชัดทำให้ร่างสูงของชีคแห่งเซเนียยากดกระแทกกายเข้าออกหนักๆย้ำลึกไม่กี่คราความรุ่นร้อนที่บีบรัดร่างกายของตนไว้ก็ทำให้หยดน้ำสีขาวขุ่นปลดปล่อยลงสู่ช่องทางร้อนได้ไม่ยาก..

".......คาวัลโล...คาวี่......." เสียงกระซิบผ่านลมหายใจที่หอบสั่นสะท้านไปทั่วร่างด้วยความสุขสมอันรุนแรงและสมปราถนา ช่างเด่นชัดจนทำให้ดวงตาสีน้ำทะเลที่ปรือปิดลงด้วยความอ่อนไหวเปิดขึ้นมาสบมองอีกครั้ง

แววตาสีนิลที่เต็มไปด้วยความรักและความพึงใจทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มออกมาเพลียๆ คาวัลโลซุกตัวอ้อนร่างแกร่งที่ทาบทับ..ก่อนจะครางออกมาเบาๆยามที่ร่างสูงถอดกายออกจากร่างของตนช้าๆ..

"...คาวี่? " สีหน้าของคนฟังฉายแววสงสัยรวมทั้งน้ำเสียงที่เอย แม้ดวงตาจะปรือปิดลงอีกครั้งแล้วก็ตามที..ทำให้ชีคหนุ่มยิ้มเอ็นดู

"...ชื่อนี้ขอผมเรียกคนเดียวนะ.." ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มไล้ไปถึงกกหู ก้มกระซิบแผ่วเบา

"..คุณตั้งให้ผม...? " น้ำเสียงที่ถามออกมาช่างแสนน่ารักจนอกจะยิ้มออกมาไม่ได้ อัลชาอ์พยักหน้ารับ กอดรัดร่างของมาเฟียหนุ่มแนบอกไม่ยอมปล่อย

"...ใช่...คาวี่....ชื่อนี้ของผมคนเดียว..."อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของเจ้าแมวน้อยที่บัดนี้สิ้นฤทธิ์ได้แต่นอนกระปลกประเปลี้ย นัยน์ตาหรี่ปรือและหอบหายใจเบาๆใต้ร่างของตน ใบหน้ายังคงเป็นสีชมพูจัดจากกิจกรรมที่ผ่านพ้น ริมฝีปากบวมเห่อเป็นสีแดงจัดจากจูบแนบแน่นไม่ยอมผละจาก เส้นผมที่เริ่มยาวขึ้นเเนบต้นคอเปียกชื้นด้วยเหงื่อ ทั้งน่ารักยั่วเย้าและน่าหลงไหลนัก

"...อืม....." พยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับบนหน้าผาก คาวัลโลซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดแกร่งที่คว้าผ้าห่มมาคลุมร่างนัยน์ตาสีน้ำทะเลมองออกไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่ปิดไว้หากสะท้อนภาพสายฝนหล่นโปรยไม่ขาดสาย..

ตวัดสายตามองเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อน ลำคอที่ว่างเปล่าชวนให้นึกกระหวัดไปถึงสร้อยกางเขนที่มักจะติดตัวอยู่เสมอ..

สิ่งนั้นเแป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งจะคอยเตือนให้เขาจดจำ"บ้าน" และตำแหน่งบอสที่ต้องการ

...นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อยด้วยครุ่นคิดและความกังวลที่แล่นวาบ..หากสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ ปัดทุกอย่างทิ้งไปจากสมอง

เมื่อทิ้งแล้วก็อาอาลัยอาวรณ์ ตัดสินใจแล้วก็อย่าได้หันหลังกลับ..ขอเรื่องของเขากับอัลชาอ์เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายที่คาวัลโลจะต้องมาเสียใจภายหลัง ต้องกลับหลังจากได้ปฏิเสธมันไป..

มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงและกอดแนบแผ่นอกแกร่งแน่นขึ้นเป็นการปัดทุกสิ้งออกจากห้วงคิด...ให้หัวสมองว่างเปล่า คิดออกแต่เพียงอ้อมแขนและชายที่กอดเขาอยู่เท่านั้น

เปลือกตาที่เคยเปิดออกปิดลงแล้ว แพขนตาที่ทิ้งทาบลงบนผิวแก้มและลมหายใจยาวก็บ่งชัดว่าเขาจะหลับ หากแต่สัมผัสวาบที่กลางร่างกลับทำให้หนังตากระตุกถี่ยิก รู้สึกถึงฝ่ามือและปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้เล่นกระตุ้นส่วนกลางของร่างกายให้ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง คาวัลโลอ้าปากค้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของชีคหนุ่มที่ยิ้มน้อยๆ...สบตาตนเองด้วยดวงตาหวานระยับ..หากแต่รอยยิ้มนั้นมันดูไม่น่าวางใจเสียเลย

"...เอ่อ..อัล...ชาอ์...." ถึงขนาดน้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ชีคหนุ่มที่กำลังใช้ปลายลิ้นเลียไล้ใบหูของเขาและออกแรงขบเบาๆก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตนเองแต่อย่างใด

"...หืม? " รับคำพลางกดประทับรอยจูบลงบนต้นคอขาว ขณะที่ฝ่ามือป่ายปะยิ่งรุกเร้าหนักขึ้น

" ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมเหนื่อยน่ะ? ...แบบว่านอนเฉยๆไม่ดีกว่าเหรอ อ่ะ..เฮ้ย! " ร้องเหวอเมื่อร่างของชีคหนุ่มขยับคร่อมกายทาบทับพร้อมกับสองมือประกบฝ่ามือของตนแน่น คาวัลโลสบตาของชีคหนุ่มผูที่ยิ้มหวานมาให้อีกครั้ง แต่ก็เช่นเดิม..คือมันดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าปลื้ม

" ผมคิดมานานแล้วนะ.."อัลชาอ์กระซิบเสียงเบาพลางขบเม้มริมฝีปากแดงจัด ก่อนจะหันมาจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววหวาดๆปนตกตะลึงเคอะเขิน

" คิดว่าสักวันถ้าได้กอดคุณจริงๆ...จะ"เล่น"ทั้งคืนจนหมดแรงเลยล่ะ "

"......" สิ้นเสียงกระซิบนั้นผู้ฟังก็ยิ้มค้าง อ้าปากหวอไปเสียแล้ว ยิ่งสบมองรอยยิ้มหวานและนัยน์ตาที่ฉายแววเอาจริงของชีคหนุ่ม คาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้อึดชนิดแมลงสาบยังชิดซ้าย และเผชิญอันตรายมานับไม่ถ้วน ก็ต้องเริ่มคิดถึงความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเป็นอย่างแรก..

หรือเขาจะเป็นผู้ชายคนแรกที่จะพิสูจน์ว่าทฤษฎี ตายคาอก น่ะมันเป็นจริง

"....เอ่อ..ผมว่ามัน....อุ๊บ!! ...." จะขยับตัวหนีก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะแค่อ้าปากพูดริมฝีปากคู่นั้นก็ตามมาประกบ คาวัลโลครางในลำคอเบาๆอย่างรันทดท้อ สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม บ่งชัดว่า "เวลา"ในค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนานนัก...

..นี่เขาเริ่มเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้แล้ว...จริงๆนะ...

...............


MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com

ใครอ่านจบแล้วม้นที่นี่ได้เลยจ๊ะ ^ ^ หรือจะไปที่เด็กดีก็ได้