วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44

Line 44 : คำสัญญา



ต่อให้จะถูกจูงมือเชื้อเชิญออกมานอกห้องอย่างดี แต่สภาพโกลาหลภายในพระราชวังกลับเข้าขั้นดูไม่ได้ คาวัลโลหน้านิ่วกับภาพของการต่อสู้เบื้องหน้า เขานึกฉุนขึ้นมาอีกหนึ่งรอบว่าอัลชาอ์ปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาได้ยังไง ถ้าตัวเองมีประสิทธิภาพพอจะรับมือ ทำไมไม่รับมือแต่แรกเล่า หลอกล่อพวกนี้เข้ามาก่อความวุ่นวายในวังเดี๋ยวบรรดาคนในวังก็ได้ถูกลูกหลงกันหมด ขนาดเขาที่เป็นมาเฟีย ยังไม่บ้าบิ่นคิดจะ"ชักศึกเข้าบ้าน"แบบนี้สักนิด


" เมื่อกี้คุณก็ออกจะวางแผนไว้แนบเนียบเสียดิบดีจนน่าหมั่นไส้ แล้วนี่อ่ะไร ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นเละเทะได้เล่าหา? " มาเฟียหนุ่มร้องถามคนที่ชักปืนออกมาถือไว้ในมือซ้าย มือขวายังคงกุมมือของเขาแน่นแบบไม่ปล่อยอย่างหงุดหงิด


" พวกคนที่นี่ออกไปหมดแล้ว ในนี้เหลือแต่ทหารกับพวกบอดี้การ์ดของคุณ กับองค์รักษ์ของผม.." ชีคหนุ่มตอบสั้น ริมฝีปากยิ้มออกมาบางๆแล้วดึงรางคนหงุดหงิดเข้าแนบชิด " ผมก็บอกแล้วไงว่า"ปิดประตูตีแมว "ความหมายของมันไม่ได้ต่างจากที่พูดหรอกนะ "


" ...คุณนี่มัน.." คาวัลโลกรอกตาขึ้นฟ้า บ่นงึมกับพฤติกรรมของชีคหนุ่มที่ชักจะทำเขาหัวหมุนเมื่อครู่นี้ยังอุตส่าห์ตีหน้าแนบเนียนวางแผนและเฉลยออกมาแบบที่ชวนตะลึง แต่ตอนนี้...กลับมาทำอะไรบ้าบิ่นอย่างชักพาพวกที่ก่อความวุ่นวายเข้ามาในวังเพื่อรุมจัดการแบบไม่ให้หลุดรอดไปได้..



..ถึงมันจะเป็นแผนที่เข้าทีก็เถอะ แต่มันก็ฉุกละหุกเสียจนเขาปรับตัวไม่ทัน ...หันมองคนข้างกายที่ก้มตัวหลบมุมและสอดสายตาดูลาดเลาอย่างครุ่นคิด..สาเหตุที่อัลชาอ์จะทำอะไรแบบนี้..คิดแล้วมันก็จะมีแต่..


"..ถ้าอยู่ข้างนอก คนของผมมีโอกาสได้รับลูกหลง กระทั่งวิธีที่ขี้ขลาดที่สุดอย่างจับชาวบ้านเป็นตัวประกันอาจจะถูกนำมาใช้..ซึ่งผมไม่คิดจะยอมให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ "


"........"คาวัลโลฟังแล้วส่งเสียงครืดคราดในลำคอ ..ว่าแล้วเชียว สาเหตุที่ทำให้อัลชาอ์ยอมทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ก็มีแค่ไม่กี่อย่าง..หนึ่งก็เพื่อคนที่เขารัก..และสอง..ก็เพื่อคนที่รักเขา..


...ทั้งน่าห่วงน่ากังวล..แต่...ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขาก็ชวนให้หลงรักเสียจนแทบอดใจไม่ไหวจริงๆ..


"...ผมรู้ว่าคุณห่วงคนของคุณ..แต่ก็ไม่น่าจะทำแบบนี้ "คาวัลโลครางงึมงำ ...ต่อให้มันจะสมเหตุสมผลก็เถอะ แต่เขาไม่เคยได้ยิน ว่าจะมีผู้นำที่ไหนยอมทำถึงขนาดนี้..เพราะนั่นแสดงว่าตัวเองก็มีความเสี่ยงสูงอยู่เช่นเดียวกัน


" ..นี่มันเป็นการทำเรื่องโง่ๆของคนกลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่ใช่การลุกฮือของประชาชนหรือการเรียกร้องที่สำคัญยิ่งใหญ่...การทะเลาะกันของชนชั้นปกครองโง่เง่าคนสองคน ไม่ควรจะทำให้ประชาชนต้องลำบาก ที่จริง..ไม่สมควรจะให้ประชาชนได้เห็นมันด้วยซ้ำ..เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาประจักษ์ถึงความโง่เขลาของผู้ที่ถูกอำนาจบังตาและนึกสมเพชมากขึ้น จัดการกันเงียบๆในวัง ถือว่าปราณีกับคนๆนั้นมากกว่าการออกไปจัดการที่กลางเมือง ให้เขาเผชิญหน้ากับสายตาดูหมิ่นของคนเซเนียยาหลายร้อยเท่า...นี่น่ะคือความปราณีสุดท้ายของผมแล้ว "


ริมฝีปากเอ่ยถ้อยคำเชือดเฉือนด้วสายตาหยามหยัน..แววตาเย็นเยียบฉายความดูแคลนและใบหน้าชาเฉยเต็มไปด้วยความสมเพชปนเวทนาเหล่าผู้กระทำการอันโง่เขลานี้ทำให้คนมองต้องนิ่งงัน..คาวัลโลค่อยคิดตามคำของชีคหนุ่ม และที่สุดเขาก็เห็นตาม ว่านี่คือวิธีที่ปราณีที่สุด..ขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่โหดร้ายที่สุดเช่นกัน..


ถึงอัลชาอ์จะบอกว่านี่คือความปราณี ที่ชีคหนุ่มจะจัดการเงียบๆเป็นการภายใน แต่มันก็หมายความว่าถ้าคนพวกนี้พลาดถูกจับได้ อัลชาอ์ก็จะจัดการ"ตามแต่ใจ"ตนเช่นกัน..


ถูกจับต่อหน้าคนหมู่มาก ต่อให้อับอาย หรือต้องถูกประณาม ทว่า..หากเป็นเช่นนี้ อาจหมายถึงชีวิตที่ต้องถูกตัดสิน อาจจะหายไปตลอดกาลโดยไม่มีใครนึกรู้ก็ได้


คาวัลโลจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายด้วยท่าทีครุ่นคิดมากยิ่งขึ้น...กับวิธีการ ที่พอมานั่งคิดดีๆแล้ว ไม่อาจะเรียกว่าใจดีได้เลย


ปัง!


ลูกปืนจากไหนไม่รู้เฉี่ยวเข้าใกล้แขนจนคาวัลโลสะดุ้งเฮือก เขาและชีคหนุ่มหันไปมองข้างหลังด้วยอารามตกใจไม่น้อย มาเฟียหนุ่มเตรียมขึ้นไกเพื่อโจมตี ทว่าร่างของ"มือปืน"ที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าราวกับจะกินหัวเขาทั้งคู่นั่นต่างหากที่ทำให้คาวัลโลต้องชะงักค้าง


" ถ้าพวกแกจะออกมานั่งเป็นเป้าให้คนอื่นยิงแบบนี้ อย่ามายืนให้รกหูรกตาซิว่ะ ! " ว่าแล้วคุณอาที่รักก็ทำท่าจะเล็งปืนใส่เขาอีกรอบ ทำเอาคาวัลโลรีบเต้นเหยง ลุกขึ้นหลบหนีจากวิถีกระสุนด้วยอาการสยอดสยองยิ่ง


" ถ้าเขายังไม่เลิกบ้า จะให้ผมลากคอไปขังในคุกสักคืนไหม?!" ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงห้วน นัยน์ตาจ้องมองชายหนุ่มผมทองเบื้องหน้า ผู้ซึ่งกำลังถือปืนเดินตรงแน่วมาที่ตนเองและมาเฟียหนุ่มข้างกาย คนที่บอกได้ว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน แต่การกระทำไม่ได้ชวนอุ่นใจหรือให้คิดแบบนั้นได้สักนิด


" อย่าสิ นี่น่ะออกภาคสนามนะ เขาก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ " คาวัลโลว่า พลางทำสีหน้าหวาดผวา "ก็แค่ยิงขู่แค่นั้น เตือนก่อนเราจะโดนสอยจริงๆเพราะมัวแต่คุยกัน "


" หึ...เขาช่างมีวิธี"ห่วงใย"คนอื่นได้แปลกประหลาดจริงนะ " ชีคหนุ่มปรายตาใส่คลาร์กที่เริ่มเดินลุยกระสุนเพื่อจัดการสอยผู้บุกรุกให้ล้มลงทีละรายๆราวกับใบไม้ร่วง...ซึ่งถ้าไม่นับการกระทำบ้าๆบอๆแสนอุกอาจนั้นแล้วล่ะก็..อัลชาอ์ก็ต้องยอมรับว่าชายคนนี้มีความเก่งกาจและเชี่ยวชาญอย่างยิ่งเลยเชียว


" แกเร็ต ! " คาวัลโลร้องเรียกเจ้าคนที่ทำหน้าเหมือนปวดท้องมาแต่ไกลลั่น ชายหนุ่มหน้ายุ่งพยักเพยิดไปทางคลาร์กที่กำลังอาละวาดได้ที่ ส่งสัญญาณที่รู้กันดีให้ไปจัดการ


" รู้แล้ว คุณจะทำอะไรก็รีบๆทำซะ...ก็รู้กันอยู่ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมานั่งเหม่อคุยกันในเวลาแบบนี้ " แกเร็ตส่ายหัวระอาพลางเดินดุ่มเข้าไปใกล้ร่างของคลาร์ก ทั้งประกบคอยระวังไม่ให้ชายหนุ่มถูกโจมตี ทั้งคอยสอดส่องปนระแวงกันท่าอยู่ในทีไม่ให้คุณอาที่รักของเขามีโอกาศสาดกระสุนมาหาคาวัลโลอีกรอบฐานหมั่นไส้หรือขวางหูขวางตา


" ให้ตายสิ "คาวัลโลบ่นกลั้วหัวเราะ มือซ้ายที่ยังคงจับมือหนาของชีคหนุ่มไว้บีบแน่น พร้อมกับหันกลับมาจ้องหน้าอัลชาอ์ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน


" ไปกันเถอะครับ " คาวัลโลเอ่ย พร้อมกันนั้นทั้งสองก็ลุกพรวด ออกจากที่กำบังพร้อมกับวิ่งลงบันไดตามหลังคลาร์กและเเกเร็ตอย่างรวดเร็ว


สภาพภายในพระราชวังของอัลชาอ์ที่ตอนนี้แทบร้างไร้ผู้คน ไม่มีร่างของบรรดาเหล่าคนรับใช้หรือเหล่าทหารรักษาการ ดูเหมือนหละหลวมไร้การรักษาความปลอดภัย แต่คาวัลโลมองเห็นกลุ่มคนซุ่มซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ทั้งบนหลังคาพระราชวัง หรือตามสุนทุมพุ่มไม้ใหญ่ๆตามสวนด้านหน้า กระทั่งตามมุมอาคารของพระราชวัง ทั้งนี้คงเป็นเพราะอัลชาอ์สั่งการไว้แล้ว ให้แสร้งหละหลวม ไม่มีคนรักษาการเหมือนอ่อนกำลังไม่มีการเตรียมพร้อม เพื่อให้"ฝ่ายนั้น"ได้ใจ และตรงรี่เข้ามาในพระราชวัง..ให้มาตกหลุมพรางที่วางไว้โดยดี


มาเฟียหนุ่มมองแผ่นหลังของผู้เป็นอาที่วิ่งรี่ไปยังประตูหน้าเพื่อจัดการผู้บุกรุกที่ดาหน้าตรงเข้าหา ตามหลังด้วยแกเร็ตซึ่งตามติดชนิดที่คาวัลโลเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือเจ้านายมันกันแน่ ก่อนจะหันไปทางขวามือซึ่งอัลชาอ์กำลังจัดการผู้บุกรุกรายหนึ่งและมีฮาซานกับจาฟาประกบติดข้างตัว


...คาวัลโลยักไหล่ พลางมองเบื้องหน้าตนบ้าง บรรดาผู้บุกรุกนี้จะว่ามีมากก็มาก แต่เพราะถูกคนที่ดักซุ่มอยู่ของอัลชาอ์สอยร่วงไปไม่ใช่น้อย จึงเหลือให้เขาจัดการเพียงนิดหน่อย มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้ม ขณะที่กระชากไหล่เจ้าคนที่กำลังเล็งไปยังแกเร็ตให้หันหลังกลับมาหา เพื่อพบกับฝ่าเท้าและหมัดที่ซัดเข้ายังหน้าท้อง พร้อมกับกระสุนปืนทะลุหน้าผากเป็นการสั่งลา


การ"ปิดประตูตีแมว"ของอัลชาอ์ดูท่าจะได้ผลเกินคาด เพราะแมวที่เข้ามานั้นมีค่าเป็นเพียงหนูตัวเล็กไร้พิษสงเสียส่วนใหญ่ คาวัลโลหมุนกระบอกปืนในมือด้วยสีหน้าเริงร่า เขาแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะคนของอัลชาอ์จัดการแทบหมดแล้ว..พวกนี้ที่เหลือก็ให้อัลชาอ์กับคลาร์กและแกเร็ตจัดการดีกว่า..


ส่วนเขาน่ะหรือ...ก็คอยสอดส่อง..ตามองหา"ตัวการ"ที่แท้จริงน่ะสิ


นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองบรรดาผู้บุกรุกที่ยังคงถูกยิงราวกับใบไม้ร่วงตรงหน้าอย่างเฉยชา นึกเสียดายขึ้นมาที่หลอดไฟถูกยิงแตก กระทั่งโคมไฟแชนเดอร์เลียอันใหญ่ที่แขวนไว้ตรงห้องโถงก็ยังไร้แสง สภาพภายในนี้จึงสลัวรางมองไม่ชัด การตามหาตัวการในสภาพแบบนี้จึงลำบากขึ้นอีกนิด..


....แต่ก็แค่อีกนิดเท่านั้น..มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเขาหรอกน่า


คาวัลโลกระโจนเข้าหลบบริเวณมุมห้อง โถงใหญ่อันเป็นด้านหน้าของวังสำหรับต้อนรับแขก บัดนี้มีร่างของผู้บุกรุกนอนเกลื่อนและเสียงปืนประสานกันโครมคราม เขากวาดตามองผู้บุกรุกที่กระจัดการจายภายนอกแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็น"เงา"ของไอ้เจ้าตัวการที่อัลชาอ์เอ่ยถึงแต่ประการใด


อยู่ไหนกันนะ?


ถ้าเป็นคนอื่นอาจอุปมาได้ว่าหลบไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย แต่ดูจากที่เคยเจอนายพลคนนั้น หมอนั่นน่าจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบซึ่งหน้า ไม่มีการหลบอยู่อย่างขี้หลาดแล้วให้เหล่าลูกน้องตายแทนเป็นแน่ ต่อให้มันออกจะโง่ที่คิดต่อกรกับอัลชาอ์หรือแสดงกริยาอะไรออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่อย่างไร คาวัลโลก็คิดว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหลบอยู่ข้างหลังแล้วให้คนอื่นตายแทน


บางที อาจจะนั่งวางแผนเคร่งเครียดกันอยู่ที่ไหนก็ได้


คาวัลโลเปลี่ยนกระสุนปืนที่ติดตัวมา นำกรอกเข้ากับรังปืนอย่างเร่งร้อน นัยน์ตาก็กวาดทั่ว พยายามจะหาตัวการที่หลบซ่อนอยู่ ขณะเดียวกันก็คอยระวังหลังให้พรรคพวกด้วย


...ไอ้อยากตรงเข้าไปลุยก็อยากอยู่หรอก แต่พวกนี้เป็นเค่เหยื่อตัวเล็ก ซึ่งเขาไม่ชอบเท่าไหร่ ...กับเขาแล้ว เหยื่อตัวใหญ่ฝีมือร้ายกาจน่าเล่นกว่ากันเยอะ


ปึง!!!


เสียงระเบิดพร้อมกับกระตูใหญ่ด้านหน้าที่พังราบลงมาทำให้ทุกคนชะงัก คาวัลโลใจหายวาบมองประตูนั้นตาไม่กระพริบ เพราะเขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้มีร่างของคลาร์กยืนอยู่แถวนั้น นี่อย่าบอกนะว่าคุณอาของเขาจะถูกไม้ทับหรือโดนสะเก็ดระเบิดตายอะไรทำนองนั้น


มาเฟียหนุ่มลุกพรวด ทำท่าจะกระโจนเข้าไปช่วยเหลือ หากแต่ร่างเงาที่ผุดลุกขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นควันและเศษซากปรักหักพังของประตูบานใหญ่ทำให้เขาชะงัก คนๆนั้นก็คือแกเร็ต เคย์ที่คาดว่าคงกระโจนไปช่วยเหลือได้ทัน


คาวัลโลมองแล้วถอนหายใจโล่งอกปนขบขัน..ชักอยากจะรู้ ว่าถ้าเขาเจอแบบนี้บ้าง แกเร็ตมันจะกระโจนมาช่วยทันแบบตอนช่วยคุณอาของเขาไหมนี่


ร่างของแกเร็ตที่ผุดลุกขึ้นมาถูกคนข้างใต้ผลักออกด้ววยท่าทีอารมณ์ขุ่น คาวัลโลมองเห็นคุณอาที่รีกลุกขึ้นมาอยู่ในสภาพปกติดีทุกอย่าง เจ้าตัวหันมาทำตาขุ่นพลางสถบด่าแกเร็ตงึมงัมเสียทีแล้วปึงปังคว้าปืนออกไปด้านนอก คาดว่าจะไปจัดการกับไอ้คน..หรือตัวอะไรก็ตามที่กล้ามาปองร้ายคนๆนั้นได้


คาวัลโลก็ผุดลุกตามไปอย่างรวดเร้วเช่นกัน หากชายหนุ่มยังคงตวัดตามองด้านหลังเพื่อความปลอดภัยเป็นระยะ แต่เขามองไม่เห็นอัลชาอ์แล้วและไม่ทราบว่าท่านชีคหายไปตั้งแต่ตอนไหน แต่หากมีฮาซานและจาฟาคอยประกบติดอยู่ก็คงจะพอวางใจได้ มาเฟียหนุ่มก้าวพรวดออกไปยังด้านนอก หากแต่ฝีเท้าย่างผ่านประตูที่ถูกระเบิดเละไปไม่ทันเท่าไหร่ แขนก็ถูกคว้าไว้ทันควัน


" ชู่ว..." เสียงกระซิบหนักแน่นคุ้นหู ทำให้ฝ่ามือที่กำลังจะฟาดกระบอกปืนใส่ผู้ปองร้ายชะงักลงอย่างกระทันหัน คาวัลโลหันขวับ สบมองแววตาเคร่งของแกเร็ต เคย์ พร้อมกันนั้นก็หันไปตามที่ถูกพยักเพยิด..


ภาพเบื้องหน้าทำให้มาเฟียหนุ่มเบิกตากว้าง จากที่เคยสงสัยบัดนี้ความข้องใจกระจ่าง ร่างของนายพลเซราวัค ในชุดทหารระดับสูงของเซเนียยายืนอยู่ตรงสวนด้านหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม ใบหน้าคร้ามเข้มไว้หนวดยาวถึงลำคอดวงตาวาววับ เบื้องหลังมีพรรคพวกอีกประมาณสิบกว่าคนพร้อมประจัญ และที่เผชิญหน้าอยู่ตรงข้าม คือร่างของชีคหนุ่ม..อัลชาอ์ จาฟา ฮาซาน และเจ้าชายฟาลซาอ์ก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน เบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายมีร่างของบรรดาองค์รักษ์ของอัลชาอ์ยืนถือปืนเล็งไปยังบรรดาผู้บุกรุกทั้งหลาย มองตามสถานการณ์แล้วนายทหารคนนั้นก็ไม่น่าจะรอด แต่ทว่านี่คงเป็นการเจรจากันก่อนจะจับกุมกระมัง


คาวัลโลนิ่งมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า ก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


" คุณอาล่ะ? " คำถามนั้นทำให้แกเร็ตหน้ามุ่ย ก่อนจะหันไปมองอีกทาง ซึ่งคลาร์ก โรเซนเบิร์กกำลังอาละวาดแบบไม่เห็นหัวคณะเจรจาตรงหน้าสักนิด


" แล้วเมื่อกี้ แกเแป็นไงบ้าง? "เขาเอ่ยถาม เพราะจากที่แกเร็ตกระโจนเข้าไปช่วยคลาร์กนั้น ก็อยู่ในระยะประชิดพอควร


" นิดหน่อย ไม่มี ....โอ๊ย ! " แกเร็ต อ้าปากปฏิเสธสั้นๆ หากเสียงที่เคยสั้นพลันต้องร้องสะดุ้งสุดเสียงด้วยอารามตกใจ เพราะฝ่ามือของบอสตรงหน้าจัดการฟาดมาที่หลังแบบไม่ออมแรง


" ปากดีจริง " คาวัลโลบ่นพลางก้มมองมือตัวเองที่มีน้ำเหนียวบางอย่างติดมา ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่ามันเป็น"เลือด"จากแผ่นหลังของที่ปรึกษาเขาเป็นแน่


" คุณอา!! แกเร็ตมันหลังหักแหนะ มาดูหน่อย ! " วาจาเกินจริงของบอสที่ตะโกนออกไปทำให้คนฟังตาเบิกกว้าง แกเร็ตหันไปท้วงคนที่โกหกหน้าตาเฉยด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย หากไม่ทันเอ่ยคำ บอสของเขาก็ลุกพรวดพร้อมๆกับฝ่าเท้าที่ซัดเข้าตรงสันหลังอย่างรุนแรงจนร่างทรุดฮวบ


" นี่...คุณ...." แกเร็ตครางในลำคอเสียงแผ่วเจ็บแปลบแลพจุกเสียเกินจะพยุงกายไหว ต่อให้แผลที่ได้รับจากแรงระเบิดนั้นจะไม่มาก มีเพียงเศษสะเก็ดระเบิดที่ทำให้หลังเป็นแผลเลือดออกพอควรเท่านั้น แต่ไอ้ฝ่าเท้าที่จงใจกระทืบซ้ำแผลเก่าแบบไม่ปราณีนั่น ทำเอาเจ็บเสียจนไม่มีแรงลุก ช่างโหดร้ายและน่ากลัวกว่าระเบิดที่ได้เจอมาเป็นไหนๆ


" อย่ามาโวยเว้ย ฉันรู้นะว่าแกชอบ " บอสตัวร้ายว่าพลางหัวเราะหึๆ มาเฟียหนุ่มละฝ่าเท้าออกพร้อมทำหน้าซื่อเมื่อคลาร์กวิ่งรี่มาหาหน้านิ่วคิ้วขมวด คุณอาของเขามองร่างเจ้าคนที่พังพาบลงกับพื้นเพราะแรงฝ่าเท้าเมื่อครู่หน้ายุ่ง คลาร์กสถบพรืดแล้วทรุดตัวลงข้างๆคนเจ็บ แม้ปากบ่นพร่ำรำคาญแต่แววตาห่วงใยไม่น้อย


..หมดตัวก่อกวนไปอีกสอง


คนก่อกวนตัวจริงยิ้มร่าพลางขยับตัวหนีห่างจากคนสนิททั้งคู่ เขาสืบเท้าขยับเข้าไปใกล้การเผชิญหน้าเบื้องหน้าอีกนิดเพื่อจะสังเกตและดูท่าทีของทั้งสองฝ่าย พร้อมกันนั้นฝ่ามือก็จับกระชับปืนแน่น พร้อมจะกระโจนเข้าช่วยเหลือทันทีที่เกิดการปะทะ




กริ๊ก.....





เสียงขึ้นไกที่ดังอยู่เบื้องหลังทำร่างทั้ร่างพลันนิ่งงัน ให้คาวัลโลตัวเย็นวูบ เขาหันกลับไปมอง หากยิ่งเบิกตากว้าง...เมื่อเจ้าของปืนนั้นคือหญิงวัยกลางคนบนรถเข็นที่เขาคุ้นตาดี ..ผู้หญิง...ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของฟาลซาอ์..


อัลลิยะห์...


"เฮ้ๆ..."เขายกมือขึ้น คาวัลโลจ้องมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตางวยงงไม่น้อย "แบบนี้ไม่ไหวมั้ง มาเฟียอย่างผมไม่ชอบลงมือกับสุภาพสตรีนะ ต่อให้แก่งั่กขนาดนี้ก็เถอะ "


" เดินออกไป "น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยสั้นๆ พร้อมกับปืนในมือขวาที่รุนแผ่นหลัง ฝ่ามือซ้ายสั่นระริกนั้นจับอยู่ที่วงล้อของรถเข็นที่ร่างผอมบางนั่งออกแรงหมุนตามต้องการเพื่อเคลื่อนกาย คาวัลโลค่อยลุกขึ้นพลางมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างกังขา...นึกไม่ถึงว่าเธอจะอยู่..และนึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามาที่นี่ทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนี้ ทั้งที่นั่งรถเข็นในสภาพอ่อนแอและแก่แบบนี้แล้วแท้ๆ...


"...นี่...ผมว่าคุณคิดให้ดีๆก่อนจะทำอะไรดีไหม ทำแบบนี้ไปก็ไม่ชนะหรอกนะ... "คาวัลโลพยายามต่อรองขณะที่เขาค่อยก้าวเท้าเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่กำลังเผชิญหน้ากันช้าๆ มาเฟียหนุ่มนึกหงุดหงิดไม่น้อย ไม่ใช่หงุดหงิดเพราะเขาพลาดท่า ไอ้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้อยู่อยู่แล้ว แต่หงุดหงิด...ที่คนตรงหน้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มือที่ถือปืนสั่งระริกและท่าทีหวาดหวั่นไม่น้อย ช่องโหว่ก็มีออกมาก แต่ที่น่าเบื่อที่สุดคือตัวเขาเอง คนที่ไม่กล้าทำอะไรผู้หญิงคนนี้ เพียงเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง


...จะบ้าตาย ทำไมถึงมีอารมณ์จะมาเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้ฟ่ะ


คาวัลโลครางงึมงัมด่าตัวเองก่อนจะตัวดสายตาไปมองหญิงตรงหน้าอีกครั้ง แม้จะฝืนทำใจเเข็ง แต่ยังไงเขาก็ไม่กล้าจะเดินเข้าไปแย่งปืน หักข้อมือ หรือกระทั่งเตะให้ปืนนั่นหลุดออกจากมือผู้หญิงคนนี้อยู่ดี ก็คิดดูสิผู้หญิงวัยไม่ไกลจากแม่ของเขาเท่าไหร่ เป็นคนป่วยนั่งรถเข็นมือสั่นเทาสีหน้าหวั่นไหวน่าสงสารออกปานนั้น จะให้ลงมือทำร้ายยังไงก็ทำไม่ลง!


" คาวัลโล " เสียงร้องของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลหน้าเสีย เขาหันไปมองอัลชาอ์ซึ่งจ้องมองตนเองด้วยสีหน้างวยงงปนตระหนกแล้วยิ้มเหย ยกมือสองข้างขึ้นแล้วส่ายหัว


" ขอโทษ แต่ผมทำไม่ลงจริงๆ ไม่ถนัดรับมือแบบนี้เลยให้ตายเถอะ " มาเฟียหนุ่มครางงึมงัม เรียกเสียงถอนหายใจจากอัลชาอ์ราวกับเหนื่อยใจ ขณะที่ฟาลซาอ์เดินตรงมาหา สีหน้าเกร็งเขม็ง


" ไม่เข้าใจ ว่าทำไมท่านถึงต้องทำขนาดนี้ " ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มแสยะขึ้นด้วยความไม่พอใจ ดวงหน้าตึงขึง


" ข้าทำเพื่อผู้ที่จงรักภักดีต่อเรา " น้ำเสียงสั่นพร่าน้อยๆ เอ่ย พร้อมกับหันไปจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม


" ท่านอย่าใช้คำว่าเราเลย..น่าขัน...ท่านทำเพื่อตนเองทั้งนั้น " ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มเหยียดขึ้นคล้ายหยัน " ทั้งที่...ข้าขอให้ท่านหยุด.."


" เราไม่มีวันหยุดจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จ เจ้าชายโปรดหลีกไปเสีย " แม้สีหน้าของอัลลยะห์จะแฝงแววรวดร้าว หากแต่กริยายังคงไม่เปลี่ยน ใบหน้าที่ยังคงความงดงามตวัดมองร่างของชีคหนุ่ม ริมฝีปากเอ่ยต่อรองเสียงเบาปานกระซิบ


"ให้สัญญาว่าจะปล่อยคนของเรากลับไป แล้วจะไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับชายคนนี้ "



คำต่อรองนั้นทำให้เจ้าชายฟาลซาอ์อ้าปากค้าง จ้องหน้ามารดาตนด้วยสีหน้าปวดร้าวแผงความตกตะลึง ขณะที่ชีคหนุ่มหน้านิ่ว จ้องมองคนที่ตนรักซึ่งถูกเล็งปืนเอาชีวิตตรงหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจไม่น้อย สมองกำลังใคร่ครวญคิดอย่างเร่งร้อน..


...หากปล่อยไป ที่วางแผนมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า คนเหล่านี้เมื่อถูกปล่อยไปแล้วแน่นอนว่าต้องหลบลี้หนีไปจากเซเนียยาด้วยความรวดเร็วเป็นแน่ กระทั่งผู้หญิงตรงหน้า อดีตราชินีอัลลิยะห์ก็เช่นกัน


แผนที่วางมาตลอดหลายปี พยายามหาหลักฐาน พยายามสืบข่าวและวางกับดักอย่างเงียบเชียบเพื่อรอเวลาพลาดท่านั้นจะต้องมาพังทลายในวันนี้งั้นหรือ?


...แต่หากไม่ปล่อย ชีวิตของคนที่ถูกปืนจ่ออยู่ตรงหน้าเล่า จะเป็นเช่นไร?


ชีคหน่มจ้องมองภาพเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ขณะที่เจ้าชายหนุ่มข้างกายพยายามใช้ความสัมพันธ์ของตนเจรจาความต่อผู้เป็นมารดาอย่างเร่งร้อน..ฟาลซาอ์ไม่อยากให้มารดาทำเช่นนี้ และอีกหนึ่งเหตุผล คงเพราะรู้ดี ว่าหากถูกจับได้โทษของอัลลิยะห์ที่เคยได้รับการยกเว้น ย่อมจะไม่มีการงดเว้นอีกแล้ว แม้ว่านางจะเป็นอดีตราชินีก็ตามที


อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโลที่เดินเข้าไปในกลุ่มของนายพลเซราวัคและบรรดาทหารคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เจ้ามาเฟียตัวแสบของเขายกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่ สีหน้ายังคงลำบากใจ ไม่ใช่เพราะหวั่นกลัวแต่ทว่าแสดงออกชัดว่าไม่กล้าทำอันตรายหญิงตรงหน้า...บางที ถ้าคาวัลโลใจเเข็งพอจะทำร้ายอัลลิยะห์ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้


คิด..แล้วชีคหนุ่มก็ได้เพียงถอนใจ ตนจะกล่าวโทษคนอื่นได้หรือ ในเมื่อผู้ที่ลงโทษหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้าไม่ลง ก็คือตัวเขาเองด้วยเช่นกัน


เรื่องที่จารเซ อัลชาอ์คิดว่ากล่าวเตือนแล้ว ส่งสัญญาณบ่งชัดแล้วว่าให้ถอยห่าง แม้หญิงตรงหน้าจะร่วมมือกันกระทำการอุกอาจเช่นใดตนก็มิได้ต้องการทำร้ายเข่นฆ่า คนที่เคยเป็นถึงแม่ของแผ่นดินไม่ควรจะถูกกระทำเช่นนั้น อัลชาอ์ได้ให้สัญญาณ ให้บทเรียนแก่หญิงตรงหน้าด้วยคำลงโทษที่บุตรชายมีต่อแม่..หากแต่เหมือนอัลลิยะห์จะไม่เข้าใจ หรือยอมรับ


แม้อัลลิยะห์ถอนตัวทันทีที่ได้รับคำเตือนในจารเซก็คงจะดี เพราะอัลชาอ์ก็บอกชัดเจนแล้ว ว่าที่จารเซคือคำเตือนสุดท้าย และจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาเป็นมดปลวกกัดกินราชบัลลังค์ของตนอีกต่อไป..


ทว่า ผู้ที่ทิฐิบังตา อำนาจและความปราถนาอยากเป็นใหญ่กลับบดบังทุกคำกล่าวเตือนสติ หรือกระทั่งความปราณีที่อัลชาอ์มีให้โดยสิ้นเชิง


"...เอ่ยคำสัญญา ต่อหน้าเราและทุกคนที่อยู่ที่นี่ แล้วเราจะปล่อยมันไป "เสียงของอดีตราชินีแว่วเข้าหู ร่างบนรถเข็นแม้ท่าทีอ่อนแรงทว่าแววตาที่สั่นไหวกลับค่อยเข้าที่ บ่งชัด..ว่านางตัดสินใจเด็ดเดี่ยว จริงจัง ท่าทีเช่นนี้บอกได้ชัดเจนว่ามิใช้เพียงคนถูกบงการหรือหุ่นเชิดบังหน้าสำหรับผู้ใด ทว่าคนชักใยที่แท้จริง คงเป็นอัลลิยะห์และเซราวัคสองคนนี้เป็นแน่


"...ท่านแม่...เหตใดท่านถึง..."


" หยุด " ชีคหนุ่มเอ่ยตัดบทเจ้าชายฟาลซาอ์สั้นๆ จ้องมองเหล่าคนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " อย่าพูดอะไรเลยเจ้าชาย..ตอนนี้ เมื่อเจ้าแสดงตัวแล้วว่าอยู่ข้างเรา แม้แต่มารดาของท่านก็คงจะไม่ฟังคำลูกชายหรอก "


"...ข้าไม่เคยเปลี่ยนความคิด..ว่าเจ้าไม่ควรคู่ " น้ำเสียงของหญิงตรงหน้าเรียบเฉย..หากแฝงแววเกลียดชัง


" เรารู้ดี..." ชีคหนุ่มรับคำด้วยสีหน้าราวกับขบขัน แม้สถานการณ์ตึงเครียด อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโล ผู้ซึ่งบัดนี้ถูกเปลี่ยนคนคุม กลับเป็นอยู่ในการกักตัวของนายพลเซราวัค ร่างสูงใหญ่ในชุดนายทหารชั้นสูงของเซเนียยาใช้ท่อนแขนแกร่งล็อคคอคาวัลโลไว้ มือขวายกปืนจ่อที่ขมับของมาเฟียหนุ่มด้วยดวงตาวาววับ และรอยยิ้มที่บ่งบอกชัยชนะ


..อัลชาอ์หรี่ตาลงช้าๆ...สีหน้าใคร่ครวญ..รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้คนรักอยู่ในอันตราย บางที..เขาอาจจะพลาดนับแต่ให้คนพวกนี้รู้ว่าคาวัลโลสำคัญกับตนเองแค่ไหน


"...เปิดทางออกจากวังและเส้นทางออกนอกประเทศ แล้วเราจะคืนมันให้ท่าน...ฝ่าบาท " น้ำเสียงของเซราวัคเอ่ยด้วยความเหนือกว่า..สีหน้าหยัน...


" วาจาท่านนับวันยิ่งน่าชัง "ชีคหนุ่มยิ้มเคร่ง จ้องมองสบแววตาสีน้ำทะเลของตัวประกันที่บัดนี้..วาววับ..


" ข้ารู้ดีว่าพระองค์ไม่มีวันปล่อยให้มันผู้นี้เป็นอันตราย ฉะนั้นอย่าได้ถ่วงเวลา ไม่อย่างนั้น กระหม่อมไม่รับรองความปลอดภัย "


" ท่านเป็นผู้มีความกล้า น่าเสียดายที่ใช้ผิดทาง " ชีคหนุ่มส่ายหน้า ผ่อนลมหายใจช้าๆ พลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้ม "แล้วคิดได้อย่างไร ว่าเราจะยอมปล่อยพวกเจ้าไป ทั้งที่เจ้าทำกับเราถึงขนาดนี้ ! "


" หรือท่านไม่สนใจว่าชีวิตมันจะเป็นเช่นได้แล้ว ฝ่าบาท !! " ดวงตานั้นเบิกกว้างเมื่อองค์กษัตริย์เบื้องหน้ายังไม่มีท่าทีหวั่นไหวใดๆ ความหวั่นกลัวเริ่มเข้าแทรก กลัวว่าแผนนี้อาจไม่เป็นผลสำเร็จ


" ข้าเชื่อ ว่าเขาดูแลตัวเองได้ "คราวนี้เสียงตอบเป็นภาษาอังกฤษเรียบเรื่อย คล้ายแบ่งปันให้คนที่นิ่งงันด้วยไม่รู้ในบทสนทนาได้รับฟัง "ใช่ไหม คาวัลโล? "


..ตาสบตา ดวงตาสีนิลสบมองดวงตาสีน้ำทะเล...นิ่ง...นาน..ริมฝีปากบางของคาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้ถูกจับเป็นตัวประกันจึงค่อยแย้มยิ้ม..


...คำนั้นเป็นคำที่เขาพร่ำบอกอัลชาอ์เสมอ และเขาได้ประจักษ์ชัดว่าชีคหนุ่มเข้าใจมันดีก็ในวันนี้..


เขาบอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องห่วงมากไป ไม่จำเป็นต้องคอยคุ้มครองตลอดเวลา ขอให้อัลชาอ์นั้น"เชื่อ"ว่าคาวัลโลคนนี้เเข็งแกร่งไม่แพ้ใครและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี


ที่ผ่านมาความคิดของอัลชาอ์ยังไม่ประจักษ์ชัด..ทว่าบัดนี้...มาเฟียหนุ่มมองเห็นมันอย่างแจ้มแจ้ง..


เพราะคำว่า"เชื่อ"จากปากของอัลชาอ์


ในเมื่อชีคหนุ่มเชื่อว่าเขาดูแลตัวเองได้ เชื่อใจว่าเขาเข้มเเข็ง เชื่อ..ว่าคาวัลโลคนนี้มีความสามารถมากพอที่จะเป็น"บอสมาเฟีย" เขาก็จะแสดงให้เห็น


คาวัลโลไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง ทำให้แผนการณ์ที่อัลชาอ์วางไว้ตลอดมาต้องพังเพราะตัวเองหรอก!


" แน่อยู่แล้ว.." มาเฟียหนุ่มรับคำด้วยสีหน้าเริงร่า ไร้อาการหวาดกลัวนัยน์ตาใสๆวิบวับน่ามองนัก " เมื่อกี้น่ะมันจุดอ่อนผมชัดๆ มาเฟียแบบผมไม่ลงไม้ลงมือกับ"ผู้หญิง"นี่นา..แล้วยังเป็น"แม่"ของ"เจ้าชายฟาลซาอ์" แต่นี่เป็นตาลุง"หนวด"เฟิ้ม ยืนอยู่"ข้างหลัง" ผมแถมยังมีลูกน้อง คอย"เล็งปืน" "ยิง"ใส่แบบนี้ จะกลัวมันไปทำไม ตอนนี้!!"


ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!



เสียงร้องเหวอแฝงความเจ็บปวดของนายพลเซราวัคถูกกลบด้วยเสียงปืนที่ดังติดกันนับสิบนัด ทั้งยังมีเสียงร้องหวีดของท่านหญิงอัลลิยะห์ดังขึ้นพร้อมอาการตัวสั่นหวาดผวา บนร่างของหญิงวัยกลางคนที่ทรงกายอยู่บนรถเข็นมีร่างของบุตรชายกระโจนเข้ามาโอบกอดปกป้องไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ขณะที่นายพลเซราวัคถูกกระชากลงนอนบนพื้น ปืนในมือขวาถูกฝ่ามือข้างขวาของคาวัลโลคว้าหมับพร้อมหักข้อมือของผู้ถือสุดแรง ร่างใหญ่นั้นเสียงการทรงตัวด้วยมือซ้ายที่คว้าหมับ กระตุกกำหนวดที่ยาวระละคอของอีกฝ่ายไว้แล้วกระชากจนนายพลใหญ่เสียสมาธิ ครางโอดโอยด้วยความลืมตัวก่อนจะถูกน๊อคไปนอนแผ่นหราบนพื้นอย่างว่องไวด้วยฝีมือของมาเฟียหนุ่ม


ร่างของบรรดาลูกน้องด้านหลังถูกคนของอัลชาอ์กระหน่ำยิงทันทีที่มาเฟียหนุ่มให้สัญญาณตะโกนลั่นในท้ายประโยค ทันทีที่คาวัลโลกระชากหนวดของเซราวัคและจัดการหักข้อมือพร้อมฟันข้อศอกเข้าที่ไหปลาร้า ขณะที่อัลลิยะห์ก็ถูกลูกชายปราดเข้าไปป้องกันจากกระสุนที่อาจถูกลูกหลง..


" ขนาดนโปเลียนยังออกกฏห้ามทหารไว้เคราเพราะมีโอกาศจะถูกศัตรูกระชากเอาตอนรบเลย น่าจะหัดคิดบ้างนะครับ ท่านนายพล " ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มเยี่ยงผู้มีชัย ขณะที่เสียงปืนค่อยเงียบหายสิ่งที่ปรากฏเบื้องหลังควันเขม่าและกลิ่นดินปืน คือร่างของบรรดาลูกน้อง และคนของนายพลเซราวัคถูกระดมยิงจนนอนแน่นิ่งกองกับพื้น เลือดสีเข้มนองเอ่อ ที่เหลืออยู่มีเพียงร่างของท่านหญิงอาลิยะห์และนายพลเซราวัคซึ่งบาดเจ็บอยู่เท่านั้น


ชีคหนุ่มกลั้นยิ้มคล้ายขบขันแม้สถานการณ์จะตึงเครียดจนแทบไม่กล้าหัวเราะ..แต่การกระทำของมาเฟียตัวแสบเบื้องหน้าทำให้ต้องอมยิ้ม..กับวิธีการแปลกๆของเจ้าตัวที่ชวนให้ขบขันและประหลาดใจอยู่เสมอ..


ทั้งกระทืบงูเเล้วเขวี้ยงใส่หน้าคนสอบปากคำยามได้พบกัน ทั้งกล้าตะโกนด่าทำร้ายร่างกายของเขาเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์และปกปิดตัวตน หรือตอนที่คาวัลโลตัดสินใจย้อนเกล็ดกลั่นแกล้งฟาติมะห์ในจารเซ มาจนถึงตอนนี้...ที่คาวัลโลแผลงฤทธิ์จัดการนายทหารที่ถือปืนเล็งจ่อขมับตัวเองให้ต้องพลาดท่าเพราะเอื้อมมือไปดึงหนวดจนอีกฝ่ายตกใจและเสียหลักด้วยความคาดไม่ถึง


อัลชาอ์ก้มลงไปคว้าแขนมาเฟียตัวแสบให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ชีคหนุ่มสบมองดวงตาใสวาววับของชายหนุ่มเบื้อหน้าด้วยรอยยิ้ม ทั้งกึ่งขันกึ่งโล่งใจที่ผ่านเหตุการณ์เสี่ยงภัยมาได้ หัวใจที่เต้นระทึกด้วยความหวั่นผวาค่อยสงบลงช้าๆยามมีเจ้าตัวแสบอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง..


ปลายนิ้วเรียวค่อนข้างเย็นแตะลงกับผิวแก้มที่มีเหงื่อซึมชื้น คาวัลโลใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดรอยเขม่าดินปืนบนใบหน้าของชีคหนุ่มไว้ พลันหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มใส ท่าทีพึงใจ


" เดารหัสลับผมออกด้วย รู้ใจกันจริงๆเลย " คาวัลโลเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มหู อัลชาอ์ฟังแล้วพ่นลมหายใจแรง ยามนึกถึงคำพูดเน้นย้ำ บอก"รหัสลับ"ของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า


คาวัลโลทำร้ายผู้หญิงไม่ลง แต่เมื่อเป็นผู้ชายแล้ว มันก็คนละเรื่อง


ประโยคที่ว่า ผู้หญิงที่เป็นแม่ของเจ้าชายฟาลซาอ์ คนตรงหน้าก็ส่งสัญญาณให้เจ้าชายหนุ่มทำหน้าที่คุ้มครองมารดาตนเอง


ถัดมาจากนั้น หนวดที่กล่าวถึงก็หมายถึงการกระทำของคาวัลโล ที่ตัดสินใจจะกระชากหนวดของนายพลเซราวัคให้อีกฝ่ายเผลอตัว


ส่วนพวกที่อยู่ข้างหลังก็บอกให้คอยเล็งและยิง ทันทีที่เจ้าตัวให้สัญญาณ..

ชีคหนุ่มมองคนในอ้อมกอดที่หัวเราะร่าอย่างไม่สนใครแม้กำลังผ่านเหตุการณ์เกือบตายมาหมาดๆด้วยความขบขันปนระอา ทั้งโล่งใจที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี ทั้งภูมิใจ กับคาวัลโล วาลกัส ที่แสนเก่งกาจ เจ้าเล่ห์แสนกลตรงหน้า..


" โอ้ยยย ทางนี้เขาจะเป็นจะตายกันไม่เห็นกันมาสนใจเลย อิจฉาจริงจริ๊งงงง " เสียงโหวกเหวกของเจ้าตัวแสบเล่นมามาในอนุสติทำให้ชีคหนุ่มมีสีหน้างวยงง อัลชาอ์ชะงัก หันไปมองยังคนที่คาวัลโลเอ่ยปากล้อเลียน นั่นก็คือชายที่มีฐานะเป็นอา คลาร์ก โรเซนเบิร์กที่อัลชาอ์ไม่ค่อยชอบหน้าคนนั้น กับชายหนุ่มผมแดงที่จำได้รางๆว่าชื่อแกเร็ตเคย์ ซึ่งอาของคาวัลโลกำลังพยุงแกเร็ตที่มีท่าทางบาดเจ็บไว้

" หุบปากไปเลย แกเร็ตมันจะไม่ตายเพราะระเบิด แต่ตายเพราะฝ่าเท้าแกนั่นแหละ คาวัลโล !! " เสียงของคุณอาแว่วมาตำหนิ คำก่นด่าทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มขัน เขากวาดตามองสภาพรอบๆอีกครั้ง ตอนนี้เมื่อตัวการใหญ่ถูกจับ นายพลเซราวัคถูกคนของอัลชาอ์คุมตัวไว้ เช่นเดียวกับร่างของท่านหญิงอัลลิยะห์ซึ่งเจ้าชายฟาลซาอ์กำลังยืนเฝ้าอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนนอกจากนั้น บรรดาผู้บุกรุกก็ถุกจับบ้างถูกสังหารบ้างแต่กระนั้นก็บอกได้ว่าสถานการณ์นั้นเริ่มเข้าที่ และกลับสู่ภาวะปกติ


เงยหน้าหันจะไปพูดกับอัลชาอ์แต่เมื่อสบมองแวงตาที่ฉายแววครุ่นคิดของชีคหนุ่มก็ต้องชะงัก..


" คุณไปพักเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว " อัลชาอ์หันมายิ้มบางๆให้มาเฟียหนุ่มพร้อมเอ่ยอีกประโยคที่ทำให้ริมฝีปากคู่นั้นหุบฉับลงทันใด "คุณจะกลับพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรือ ไปเตรียมตัวเถอะ "


"...งั้น....ผมไปนะ " คาวัลโลชะงักกับคำกล่าวนั้น สีหน้าจืดเจื่อนลงคล้ายถูกกระตุ้นให้ตระหนักถึงสิ่งที่ลืมไปชั่วครู่ สีหน้าของมาเฟียหนุ่มค่อยหมองลง ฝ่ามือที่เกาะแขนชีคหนุ่มแน่นค่อยผละจาก พลางเดินไปสมทบกับอาและคนสนิทของตนด้วยสีหน้าเงื่องหงอย


อัลชาอ์มองแผ่นหลังของมาเฟียหนุ่มที่ค่อยลู่ลงแล้วลอบถอนใจ หากหันหลังกลับและบอกตนเองไว้ให้เข้มแข็ง ..จะอย่างไรสิ่งนี้ก็ต้องมาถึงในสักวันอยู่ดี จะทำเป็นไม่รับรู้หรือนิ่งเฉยกับมันก็เท่านั้น มันฝืนไม่ได้ และเปล่าประโยชน์ที่จะรั้ง..


อีกทั้งตอนนี้...เขาต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด..


ชีคหนุ่มละสายตาจากร่างของคาวัลโล หันกลับมามองสภาพการต่อสู้เบื้องหลัง อัลชาอ์กวาดตามองแกนนำสองผุ้บุกรุกที่ต้องข้อหา"กบฎ"ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองสภาพของพระราชวังหลวงที่ชำรุดเสียหายเล็กน้อยจากการปะทะ จุดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งต้องรีบจัดการคือประตูหน้าห้องโถงใหญ่ประราชวัง ที่ถูกระเบิดไปเมื่อครู่ นัยน์ตาสีนิลมองร่างขององค์รักษ์คนสนิทที่ก้าวเข้ามาหา ก่อนจะออกปากสั่งการให้จัดการเรื่องสภาพภูมิทัศน์ภายนอกอย่างเร่งด่วน ทั้งออกคำสั่งเรียกประชุมสภาเป็นการด่วนเพื่อจัดการลงโทษผู้ที่กล้ามาอาจหาญท้าชิงบังลังค์จากตน


...............




อากาศภายนอกเย็นลงอย่างมากเมื่อบัดนี้เป็นเวลาดึกค่อนคืน การประชุมด่วนถูกจัดขึ้นทันทีที่สามารถจับกุมและคุมตัวเหล่าผู้บุกรุกทั้งหลายได้ กินเวลายาวนานหลายชั่วโมง การถกเถียงตึงเครียดนั้นผลาญพลังงานและกำลังกายไปไม่น้อยสีหน้าของอัลชาอ์จึงค่อนข้างล้าเหนื่อย ร่างสูงใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยาก้าวเท้าเข้ามาบริเวณห้องนอนอย่างเงียบเชียบ หากก็บอกปัดปฏิเสธสาวใช้ผู้จะเข้ามาดูแล ชีคหนุ่มทรุดกายลงบนเก้าอี้เล็กๆด้านหน้าห้องนอน..เหนื่อยล้า..อ่อนแรง ทว่าไม่ได้มากกว่าอ่อนใจ


ทั้งที่ควรจะพอใจ พึงใจ สาสมใจแล้วที่เหล่าคนทรยศถูกจับและต้องชดใช้ความผิดตามที่วางแผนไว้...แผนการณ์ที่ค่อยดำเนินมาเนิ่นนาน ผลของการรอคอยที่ทำให้ทุกอย่างด้วยความยากลำบากและอดทน จบลงอย่างแท้จริงในที่สุด..


...ควรจะเป็นเช่นนั้น หากหัวใจกลับเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อ่อนแรงราวกับไร้กำลัง


ร่างที่เคยยืนตรงอย่างทรนงองอาจยามอยู่หน้าผู้อื่น ทั้งยังเข้มเเข็งแกร่งกล้ายิ่งนักค่อยแปรเปลี่ยน ภาระที่แบกอยู่ช่างหนักหนาจนต้องผ่อนลมหายใจยาว ปลายนิ้วแตะลงบนขวดสุราฤทธิ์แรงที่จัดวางไว้ยังตู้กระจกที่ฝังอยู่ในผนังห้อง..ดวงตาสีเข้มปรือต่ำ..ล้าแรง..จ้องมองขวดเมรัยสีทองในมือก่อนจะค่อยรินลงในแก้ว ไม่ได้ดื่มเพื่อดับกระหาย หากจิบชิมรสเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียด


ชีคหนุ่มค่อยถอนหายใจแผ่วเบา วางแก้วลงบนโต๊ะเตี้ยๆตรงหน้า จ้องมองไอเย็นที่ระเหยออกมาบางๆเพราะตู้สำหรับใส่นั้นเป็นระบบทำความเย็นอัตโนมัติก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะจ้องมองไปภายในห้อง มองเห็นความมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงของตน


อัลชาอ์รู้ตัวดีว่าที่ตนเหนื่อยไม่ใช่เพราะเรื่องการจับกุมการประชุมที่กินเวลาเนิ่นนานหรือกระทั่งการสู้รบ ทว่า..ตนรู้ดีถึงอีกสาเหตดี เพราะ..รู้ดีถึงการจากลาเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ใจหายกับการต้องลาจากคนที่ตนเองรักสุดหัวใจ..


รอยยิ้มขื่นทาบทับบนริมฝีปาก..ยิ้มให้กับหัวใจที่ยังคงปวดแปลบ ทั้งรู้ดีและเข้าใจดีถึงเหตุผลที่คนๆนั้นจะจากไป ทว่าความเจ็บร้าวจากการลาจากคนที่รักหาใช่จะเลือนหาย แม้มีเหตุและผลที่ควรเข้าใจ เข้าใจและรู้ดีว่ายังคงหลงเหลือสิ่งที่เรียกว่า"ความหวัง"อยู่ แต่จะอย่างไร ความโศกเศร้าเสียใจจากความสูญเสียและการพลัดพรากที่จะ"ต้อง"เกิดก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักนิด


แม้จะออกปากสั่งลา แม้จะทำท่าทีว่าไม่ใจอ่อน แต่ความจริงแล้วตนเองอ่อนแอเช่นใด อัลชาอ์นั้นรู้ชัด และสมเพชตัวเองเกินจะทานทน..


ปลายนิ้วแตะแก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันเย็นเฉียบ หยิบขึ้นมาจรดมันแนบริมฝีปาก รสขมของเมรัยรสแรงแผ่ซ่าน เผาผลาญทั้งลำคอและร้อนวูบไปถึงกระเพาะ


ดื่มกิน...ทั้งเฉลิมฉลองแด่ความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเอง


..ชายที่น่าสมเพช


..ต่อให้ชนะผู้ที่หมายปองร้ายแย่งชิงเอาสิ่งที่มีอยู่..ต่อให้ชนะ..เก่งกาจฉลาดเฉลียว มีอำนาจมากล้นแล้วอย่างไร เพียงแค่หัวใจของคนๆเดียวยังไม่อาจจะเป็นเจ้าของ เพียงคนๆเดียวยังไม่มีปัญญาจะฉุดรั้งไว้สักนิด


" อัลชาอ์..." น้ำเสียงเอ่ยเรียกแผ่วเบานั้นแสนเคยคุ้น..ทำให้ร่างสูงชะงัก ดวงตาสีเข้มพลันวูบไหวด้วยความไม่แน่ใจ รู้สึกราวกับนั่นเป็นคำพูดที่ออกมาจากความคิดคำนึง ด้วยฤทธิ์สุราที่กำลังดื่มกินคอยหลอกหลอนมากกว่าความเป็นจริง..




ดวงตาสีเข้มเพิ่งมองไปยังร่างเงาเลือนรางในแสงสลัว พร้อมกันนั้นไฟดวงใหญ่ในห้องก็ค่อยสว้างจ้า ทำให้ร่างของชีคหนุ่มชะงัก ดวงตาเบิกขึ้นน้อยๆ จ้องมองร่างของคาวัลโล วาลกัส มาเฟียหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงของตนท่ามกลางแสงไฟสีนวล..

ทันทีที่สบตาแม้ไร้คำเอื้อนเอ่ยใดอีก ฝ่าเท้าก็ก้าวเข้าไปหาตาสบตาท่ามกลางแสงไฟสีอ่อนภายในห้อง อัลชาอ์ค่อยแตะปลายนิ้วเย็นเฉียบของตนลงบนผิวแก้มขาว ไล้เเผ่วเบาราวกับกลัวสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าจะเป็นเพียงภาพฝันอันเลือนราง..

" คุณมารอตรงนี้นานรึยัง? "ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา นัยน์ตายังคงจับจ้องภาพใบหน้าอันเคยคุ้นเบื้องหน้า เจ้าของร่างนั้นค่อยเอียงผิวแก้มแนบชิดเคล้าคลอ เคลียฝ่ามือของเขาราวกับแมวน้อย

" แปปเดียวเอง " เอ่ยพูดหากชีคหนุ่มรู้ดีว่านี่คงไม่ต่างจากคำโกหก เพราะผิวแก้มขาวนั้นค่อนข้างเย็นบ่งชัดว่าเจ้าตัวคงนั่งรอเขาตรงนี้มานานพอควร

" เหนื่อยไหม? " เสียงเอ่ยถามแผ่วเบาทำให้ชีคหนุ่มชะงัก...นิ่งงันไปครู่หนึ่ง พร้อมกับสบนัยน์ตาคู่นั้น เหตุที่คาวัลโลออกปากถาม คงเพราะมองเห็นที่ภาพการกทรุดกายลงอย่างอ่อนล้า ร่ำสุราราวกับคนแพ้ของตนก็เป็นได้..

...ในยามปรกติมันต้องเป็นอะไรที่เสียศักดิ์ศรีเมือคนอื่นมาพบเห็นความอ่อนแอ ทว่า กับคนๆนี้แล้ว..ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

" ผมยังไหว " อัลชาอ์ตอบคำ ไหว..แม้จะต้องกินเหล้าย้อมใจและนั่งนิ่งงันอยู่ท่ามกลางแสงสลัวก็ตาม..

" นายพลเซราวัคถูกสั่งประหาร ในข้อหากบฏ..ส่วนอดีตราชินีอัลลิยะห์ ถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านพัก ห้ามออกไปพบผู้คนและห้ามพูดจากับคนภายนอก..ตลอดชีวิต.." ชีคหนุ่มเอ่ยบอกผลของการจับกุมในครั้งนี้เบาๆ " ส่วนบรรดาพรรคพวก คนที่เป็นนายทหารระดับสูงหากร่วมขบวนการจะถูกตัดสินประหารชีวิต สำหรับพวกลูกน้อง ก็จะถูกนำตัวไปใช้แรงงานสร้างเขื่อน "

" บ่อน้ำมันของตระกูลเซราวัคกลายเป็นของรัฐรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมด ส่วนสมบัติของอัลลิยะห์ก็ตกเป็นของแผ่นดินกึ่งหนึ่ง และเป็นของเจ้าชายฟาลซาอ์อีกกึ่งหนึ่ง มาเฟียสองคนนั้นจะถูกปล่อยตัวหลังจากพรรคพวกของเขาเข้ามาเจรจาตกลงกันหลังจากนี้ ส่วนคริสกับโรเบิร์ตบินกลับประเทศไปแล้ว "

" ....และพรุ่งนี้.."

"หยุด.." ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากหนา หยุดคำพูดต่อมาของอัลชาอ์ไว้เพียงเท่านั้น

ดวงตาสีน้ำทะเลสบมองแววตาสีนิลเขม็ง จับจ้องเพื่อแสดงความในใจที่มีให้บุรุษตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวทาบลงบนฝ่ามือที่แนบแก้ม สอดทับเกี่ยวประสานจับกระชับแน่นดั่งคำมั่นสัญญาที่ไม่มีวันจางลงไป..

"...ผมบอกแล้ว..ว่าผมจะกลับมา.."

"...คุณ...." ชีคหนุ่มยิ้มอ่อน ครู่หนึ่งคล้ายมีท่าทีอ่อนใจ ก่อนจะนิ่งเพียงเท่านั้น..

"...ไม่ต้องเชื่อ แต่จำคำนี้ไว้ก็พอ " คาวัลโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตามั่นคง จริงจัง..


ปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้ลงยังผิวแก้มขาว อ่อนโยนทะนุถนอมเยี่ยงสิ่งสำคัญ อัลชาอ์จ้องสบตาคนพูดแล้วค่อยเม้มปากแน่น..ปนทอดถอนใจ..รอได้หรือไม่ได้ ทนไหวหรือไม่ไหว..มีหลัง หมดหวังหรือแล้งหวัง..เวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน

" คืนนี้...ผมขอนอนที่นี่นะ "ประโยคคำพูดนั้นแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางราวกับละเมอ หากใจความนั้นทำให้ร่างสูงชะงักอัลชาอ์ผู้กำลังอยู่ในภวังครุ่นคิดสะดุ้ง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจวูบ..

" คุณ...ควรจะพักกับคนของคุณไม่ใช่หรือ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา..ปลายนิ้วยังคงไล้ผิวแก้มขาวอย่างรักใคร่ ทะนุถนอมนัก

" ...ไม่เอาหรอก " คาวัลโลเอ่ยปากปฏิเสธ นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองสบดวงตาสีเข้มด้วยกระแสวอนเว้า " คืนนี้ผมอยากนอนกับคุณ..นะ "

"คาวัลโล..."

" ผมอยากคุยกับคุณ...คืนนี้...แค่เราสองคน..ได้ไหม? "ร่างของมาเฟียหนุ่มค่อยผุดลุกขึ้นจากปลายเตียงที่นั่งอยู่ ดวงตาคู่สวยสบมองดวงตาสีเข้ม แขนเรียวพาดลงบนไหล่หนาของชีคหนุ่มและค่อยหลับตาลงช้าๆ

" ก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะต้องไป ผมอยากอยู่กับคุณ อัลชาอ์ "

ชีคหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆจ้องมองร่างของมาเฟียหนุ่มในอ้อมกอด ร่างบางนั้นค่อยซวบซบกอดรัดเขาแนบแน่น ใบหน้างามนั้นแนบลงกับแผ่นอกหนา กระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่แฝงความอาวรณ์อาลัยไม่แพ้กัน...

อัลชาอ์แตะปลานิ้วลงบนแขนขาวผ่อง กุมแนบแน่นด้วยอารมณ์หวั่นไหวสะท้านลึก ชีคหนุ่มนิ่งงัน...ก่อนร่างที่เกร็งเขม็งจะค่อยผ่อนคลายลงและถอนหายใจเพียงแผ่วเบา

ดวงจันทร์สีเงินหม่นสลัวเลือนรางกลางหมู่เมฆครึ้มหม่นเช่นเดียวกับดวงใจ..ขอสุข เป็นวันสุดท้าย นี่ต่างก็เป็นคำขอของชายสองคนที่ตระกองกอดกันอย่างเงียบงันภายในห้องนอนกว้างขวางและเยียบเย็น


นาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ช่างเดินเร็วเหลือเกินในความรู้สึก ดวงจันทร์เสี้ยวเดินผ่านค่อนฟ้าสะท้อนให้เห็นจากหน้าต่างกรุกระจกบานหนา แสงนวลนั้นสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่มีเพียงแสงโคมไฟจากเตียงนอนใหญ่ พาดผ่านเงาร่างของสองบุรุษที่นอนนิ่งตระกองกอดกันแนบแน่นราวกับว่าเป็นวันสุดท้าย

ปลายนิ้วยาวไล้ระเรื่อยเส้นผมสีน้ำตาลทองแผ่วเบา สัมผัสเส้นผมนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมและกลิ่นของสายลมที่ไม่เคยจาง ปลายจมูกโด่งสันค่อยแตะลงบนกระหม่อมบาง สูดลมหายใจลึกและซึมซับทุกสัมผัสของร่างบางตรงหน้า ให้ตราตรึงและจดจำไว้
ในใจ ดวงตาสีเข้มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลซึ่งจับจ้องมาด้วยสีหน้าเจ็บร้าว ริมฝีปากของคนตรงหน้าสั่นไหว ไม่ต่างอะไรกับปลายนิ้วที่ลูบไล้ใบหน้าคมของชีคหนุ่มด้วยความรักใคร่แฝงแววเศร้าอาลัยยิ่งนัก

ริมฝีปากหนาค่อยแตะลงบนหน้าผากบาง ไล้ระเรื่อยมายังขมับ...ผิวแก้ม..ปลายจมูก...ไล้วนทุกตารางนิ้วของใบหน้าอย่างอ่อนโยนและอาดูรยิ่งนัก ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนเปลือกตาบาง ค่อยจูบซับน้ำตาที่ไหลพรากอาบผิวแก้มนวล ปลุกปลอบร่างบางที่สั่นสะท้านไหวไปทั้งกาย ร่ำไห้สั่นกลั้นสะอื้นเสียจนตัวโยน

"อย่าร้องไห้ .." เสียงกระซิบนุ่มทุ้มเบาๆข้างหู คำปลอบประโลมจากชายที่ตนผูกใจสมัครรักใคร่นั้นช่างนุ่มนวลและชวนให้ใจสั่นไหว ทั้งด้วยความโศกเศร้าและความอาลัยที่ทิ้งเงาอวลในหัวใจ..

...ในวันที่ไม่มีอ้อมกอดของคุณกอดกระชับแนบกาย..ผม จะทำอย่างไรดี...

คาวัลโลเม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำสบมองแววตาห่วงใยหากแฝงความรวดร้าวไม่ต่างกันของชีคหนุ่มด้วยความเจ็บปวด..หากแต่ภาระหน้าที่และสิ่งที่สัญญากันไว้นั้นทำให้ไม่อาจอยู่ได้ตามใจตน แม้จะอยากอยู่ที่นี่ อยากนอนทอดกายในอ้อมกอดอบอุ่นที่เขารักแสนรัก..ทว่า มันก็เป็นไปไม่ได้...

มาเฟียหนุ่มซบหน้าลงกับแผ่นอกหนา กลั้นสะอื้นเสียจนตัวสั่นระริก น้ำตาที่ไหลออกไม่ไม่หยุดราวกับเขาเป็นคนขี้แยหรือคนชอบคร่ำครวญน่ารำคาญนั้นจะเป็นเช่นไรคาวัลโลไม่คิดจะสนมันอีกต่อไปแล้ว คืนนี้เท่านั้น คืนนี้ที่จะเป็นคืนสุดท้าย วันที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับคนที่รักในดินแดนแห่งนี้ ได้เพียงร่ำไห้แทนคำลา โอบกอดแทนคำว่าเสียใจ..ได้เพียงแต่ทอดกายทิ้งเงาไว้ให้ตราตรึงในหัวใจของตนเองและชายหนุ่มผู้อยู่เคียงข้าง..

ให้จารจำ เพื่อสัญญา..สัญญาที่บอกไว้ว่าจะได้พบกันอีกครั้งในสักวัน..

ริมฝีปากบางที่สั่นระริกไหวค่อยแตะลงบนเรียวปากหนา ละเลียด แตะต้องเนิบช้า ให้ความหวานปนขมจากหยดน้ำตาและหัวใจที่กำลังกรีดร้องสะอื้นไห้แผ่อวลในหัวใจ ต่างฝ่ายก็รู้ดีถึงจุดสิ้นสุดของความฝัน...และความรัก ที่เมื่อต้องลาจาก..ห่างไกลกันไปแล้ว..จะกลับกลายเป็นเช่นไรก็ไม่อาจรู้

ปลายลิ้นที่สอดเข้ากระหวัดในโพรงปากแนบแน่นจนต้องครางออกมาแผ่วเบา ร่างไหวระริกยังคงน่าหลงไหลเช่นวันวาน ริมฝีปากแดงก่ำด้วยปลายฟันที่กระทบบ้างก็ขบกัดและเบียดทับนั้นยังงดงามน่ามองน่าแตะต้องเช่นไรก็เช่นนั้น ทว่า..ชีคหนุ่มกลับใช้สองมือแตะรั้ง ดึงร่างที่ค่อยเอนซบกายตนเคล้าคลอออดอ้อนให้ออกห่าง..

" อัลชาอ์..." น้ำเสียงหวานสั่นระริกคล้ายเอ่ยพ้อ ทั้งงวยงงและไม่เข้าใจ ดวงตาสีน้ำทะเลไหวสั่นด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลอนั้นจ้องมองสบนัยน์เนตรสีดำสนิทที่เข้มขึ้น สีสันจัดจ้าของแววตานั้นกำลังเอ่ยสัญญาณบอกห้ามปรามการกระทำ

" ..เรา...ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว คุณไม่ควร..ทำแบบนี้ " ชีคหนุ่มเอ่ย ..ทบทวนให้มาเฟียหนุ่มตระหนัก ให้กระหวัดนึกไปถึงคำพูดนั้น คำที่บอกว่าจะจากลา และคำนั้นก็บอกให้รู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่สิ้นสุดลง เพราะอัลชาอ์เองเป็นฝ่ายขีดเส้นทางไว้แล้ว..ซึ่งหากเลือกจะกลับ..ก็ย่อมหมายความว่าความรักนี้ต้องจบลง..

ดวงตาของผู้ฟังสั่นไหว หยาดน้ำตาที่คลอคลองนัยน์ตาคู่นั้นค่อยเอ่อนอง..หากคาวัลโลกระพริบตาถี่ เม้มปากแน่น

"..คุณนี่บางครั้งก็ยึดถึงในคำพูดของตัวเองเกินไปจริงๆนะ " เสียงหัวเราะในลำคอของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นสั้นๆ ทว่ามันกลับไร้ความขบขัน..กลับสั่นด้วยอาการกลั้นสะอื้นแฝงความขื่นขมประชดประชัน

ฝ่ามือที่วางอยู่แนบกายของอัลชาอ์เปลี่ยนมาขยุ้มโธปตัวใหญ่ของชีคหนุ่มไว้ ..ข้อมือนั้นกำแน่นจนขึ้นข้อข่าว..ทั้งสั่นระริกบ่งบอกว่าผู้กระทำกำลังระงับอารมณ์หวาดหวั่นสะท้านลึกของตนเพียงไร..

ยิ่งพูดแบบนี้มากเท่าไหร่..ยิ่งทำห่างเหินมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึก ว่ามันกำลังจะจบลงจริงๆ..

"..ถ้าคุณพูดแบบนั้น...ผมก็จะบอก..ว่าผมยังไม่ไปจากที่นี่..ผมยังไม่ได้ไป...ถึงพรุ่งนี้ผมจะต้องจากไปแต่ตอนนี้ผมยังเป็นของคุณ .." คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอริมฝีปากบางเม้มแน่น เอ่ยเสียงสั่น..สั้นเป็นห้วงๆคล้ายกำลังร่ำไห้ด้วยความระทมทุกข์ " ถึงผมจะบอกว่าให้ไกลกันผมก็ไม่กลัว ต่อให้คุณจะมีคนอื่นผมก็ไม่กลัว..แต่ความจริงแล้วผมหวั่นแค่ไหน..รู้บ้างรึเปล่า.."

" ผมไม่อยากให้คุณรักคนอื่นนอกจากผม ผมอยากให้คุณรอผมและอยู่ตรงนี้เพื่อผม แต่ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้..คุณบอกว่าไม่รอแล้ว..และ..สักวันอาจจะไม่ได้รักผม.."

" แต่ต่อให้วันหน้าคุณจะไม่รัก วันนี้เราเป็นคนอื่น หรือพรุ่งนี้คุณอาจจะทำเป็นไม่รู้จักผม..แต่คืนนี้...ไม่ว่ายังไงผมก็จะเป็นของคุณ..ต่อให้คุณไม่คิดว่านี่คือรัก..คุณจะมองว่ามันแค่เซ็กส์ก็ได้ "

สิ้นคำ ร่างบางก็โผนกายขึ้นทาบทับ กดแนบร่างสูงให้ทิ้งตัวนอนหงายลงกับเตียงหนา ริมฝีปากของคนพูดแนบชิดบดเบียดไม่มีช่องว่างให้หายใจ..ปลายนิ้วไล้ผ่านแผ่นอกหนาและหน้าท้องหนั่นแน่นไปยังส่วนกลางของร่างกายพร้อมทั้งเคล้าคลึงมันอย่างรวดเร้ว...เร่าร้อน..ดั่งจะปลุกอารมณ์และทำให้ชีคหนุ่มลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

เสียงหอบหายใจถี่ดังขึ้นแทรกความเงียบภายในห้องนอนโอ่โถงเมื่อร่างบางผละจากริมฝีปากหนา แต่คาวัลโลไม่ได้ไปไหนไกล มาเฟียหนุ่มเพียงแต่ขยับกายเข้าทาบทับ แนบชิด ละมือทั้งสองข้างจากการปฏิบัติกิจกรรมมายังเสื้อของตน...เสื้อผ้าที่บัดนี้เปลี่ยนจากโธปตัวยาวที่เขาสวมใส่อยู่เสมอเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาวแบบสากล คล้ายจะบ่งบอกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับ

ปลายนิ้วเรียวยาวสีขาวค่อยแกะกระดุมเสื้อของตนออกด้วยใบหน้าหอบแดงก่ำ ริมฝีปากที่แดงจัดด้วยจูบร้อนแรงเม้มเข้าหากันน้อยๆ ทั้งขัดเขินและรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระทึกของตน

ท่ามกลางแสนจันทร์นวลที่ค่อยสาดส่องมาภายในห้องและแสงสลัวสีเหลืองอ่อนของหลอดไฟอินเเคนเดสเซนต์จากหัวเตียง อัลชาอ์มองเห็นร่างของมาเฟียหนุ่มที่กระโจนขึ้นมาทาบทับร่างตนไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึงปนงวยงงไม่น้อย หากแต่วินาทีต่อมา เมื่อปลายนิ้วสีขาวนั้นค่อยแตะไล้ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด...ทีละเม็ด..ภาพเบื้องหน้านั้นก็งดงามเย้ายวนจนแทบหยุดหายใจ

ร่างกายขาวโพลน ท่อนบนเปลือยเปล่าเสื้อเชิ๊ตสีขาวถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด แผ่นอกขาวหอบขึ้นลงเป็นจังหวะสะท้อนแสงจันทร์นวลน่ามองนัก ผิวกายขาวผ่อง ชวนให้นึกถึงความเนียนลื่นและกลิ่นหอมที่ตนเคยสัมผัส แผ่นอกขาวนั้นถูกประดับด้วยยอดอกเล็กสีอ่อนราวกับอัญมณีเลอค่า และเมื่อกระดุมทุกเม็ดหลุดลงจนหมด ภาพร่างงามเปลือยท่อนบนสะท้อนแสงจันทร์ก็ชัดเจน..ทั้งน่ามองและยั่วเย้าอย่างร้าจกาจจนลำคอผากแห้งด้วยความกระหาย..

...ที่ต้องการ ไม่ใช่น้ำ ..หากกระหายอยากได้ คนตรงหน้า

เสื้อเชิ๊ตขาวค่อยหลุดหล่นลงไปกองบนผืนพรมยามที่คาวัลโลสะบัดแขนกระชากมันออก ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มแดงฉ่าด้วยความอับอายปนขัดเขินไม่น้อยกับการกระทำที่ตนไม่เคยคิดว่าจะได้ปฏิบัติ...เคยเห็นแต่หญิงสาวหรือผู้คนมากหน้าหลายตาทำเช่นนี้ แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องทำ เพิ่งรู้ว่ามันน่าอายเพียงใดก็ยามนี้เอง

..แต่นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของการกระทำที่ตนอยากให้ชีคหนุ่มได้จารจำเท่านั้น...ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอีกครั้ง สูดหายใจลึก ราวกับชั่งใจถึงการกระทำของตนต่อจากนี้..แต่เมื่อสบมองแววตาที่แฝงความหลงไหล และความปราถนาจากชีคหนุ่ม ร่างของคาวัลโลก็ไถลลงจากบั้นเอวหนา และทรุดกายอยู่เบื้องหน้าส่วนกลางลำตัวของอัลชาอ์ ปลายนิ้วแตะไล้ส่วนที่นูนเด่นออกมาเบาๆแต่ทำเอาร่างสูงสะดุ้งเฮือก..

" คาวัลโล..นี่คุณ..." อัลชาอ์อ้าปากร้องถามอย่างตกตะลึงไม่น้อยเมื่อรู้ว่ามาเฟียหนุ่มคิดจะกระทำการใด มองสีหน้าของคาวัลโลแล้ว อัลชาอ์ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวจะทำมันต่อได้หรือไม่ด้วยซ้ำ

" ...ผมจะทำเอง " มาฟียหนุ่มเอ่ยด้วยแววตาแน่แน่ว...แม้คำพูดจะมั่นคงไม่สั่นไหวแต่หัวใจบัดนี้กำลังกระตุกถี่ด้วยความตื่นเต้นปนประหม่า ยามได้ทอดตามองส่วนสำคัญของชีคหนุ่มที่เด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า..แต่เมื่อได้สบมองแววตาสีนิลคู่นั้น ร่างบางก็ค่อยสูดหายใจลึก ก่อนจะแตะปลายลิ้นลงบนส่วนยอดเพียงแผ่วเบา..

สัมผัสงกเงิ่นไม่เชี่ยวชาญเช่นมือใหม่ แต่เพราะคนทำคือคาวัลโล วาลกัส ที่ตนหลังรักมาเนิ่นนานร่างจึงพลันเกร็งเขม็ง..สะดุ้งหวามไหวกับปลายลิ้นและริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มที่ปรนเปรอ แม้จะเสียวสะท้านจนต้องหลับตากลั้นอารมณ์ หากแต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าบอกให้อัลชาอ์จดจ้อง เพ่งมองดั่งจะให้ตนได้จดจำไว้ชั่วชีวิต

ภาพเบื้องหน้านั้นราวกับความฝันที่เคยเกิดขึ้นยามหลับตา ร่างของเทพบุตรตัวน้อยที่ตนหลงรักกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด ผิวขาวสะท้อนแสงจันทร์นวลตาน่าสัมผัส ใบหน้างดงามนั้นกำลังจดจ่อขมวดคิ้วมุ่นกับส่วนกลางลำตัวซึ่งขยายใหญ่จนริมฝีปากบางๆสีแดงก่ำนั้นรองรบแทบไม่ไหว กระนั้นเจ้าตัวก็ยังพยายามรับมันไว้ด้วยปลายลิ้น..ดุนดันรูดไล้ด้วยนิ้วเรียวและริมฝีปากฉ่ำพราวด้วยน้ำใสติดปลายคาง ราวกับกำลังลองลิ้มชิมรสอาหารชั้นเลิศที่ตนโปรดปราน...ภาพนั้น...ทั้งความรู้สึกรวดร้าวปวดตุบตรงหว่างขากระตุ้นให้ชีคหนุ่มแทบอดรนทนไม่ไหว...

" อ๊ะ..." เสียงอุทานแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากบางเมื่อฝ่ามือหนาประคองท้ายทอยของตนพร้อมขยุ้มเส้นผมไม่เบานกให้แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบ ร่างบางถูกกระชากขึ้นมานอนแผ่บนเตียงหนาด้วยเรี่ยวแรงของอัลชาอ์โดยอ้อมแขนหนายังคงแนบจูบกอดรัด..จุมพิตที่ร้อนแรงและดุเดือดเช่นเดียวกับอารมณ์ที่ยากจะทานไหวของร่างสูง บ่งบอกชัดว่าการกระทำของตนประสบผลสำเร็จทำให้คาวัลโลนึกดีใจ ฝ่ามือเรียวจึงกอดรัดสอดประสาน ทั้งสัมผัสและตอบรับรุกไล้ร่างสูงใหญ่ของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาอย่างเต็มกำลัง

เสียงหอบหายใจแผ่วเบาดังขึ้นหลังจากริมฝีปากของทั้งสองผละจาก อัลชาอ์ไล้ปลายนิ้วลงไปเย้าหยอกยอดสีสดแผ่วเบา กลั่นแกล้งให้คนในอ้อมแขนครางเสียงแผ่วหวานด้วยความรัญจวนใจขณะที่ฝ่ามือของคาวัลโลขยุ้มโธปของอัลชาอ์แน่น ส่งสัญาณโดยไร้คำพูดให้ชีคหนุ่มปลงเปลื้องอาภรณ์ของตนบ้างไม่ต่างกัน

" ทั้งๆที่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้..."น้ำเสียงของอัลชาอ์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบแผ่วและลมหายใจแรงของกระแสความต้องการที่เชี่ยวกราก..ปะปนด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์คละเคล้ากันไปชวนให้มึนเมา

" แล้วคุณอยากให้มันเป็นแบบไหน อยากลืมผมไปงั้นเหรอ ? "คาวัลโลถามกลับด้วยน้ำเสียงรวดร้าว ดวงตาสีน้ำทะเลแฝงความเจ็บปวดไม่พอใจจ้องหน้าชีคหนุ่มเขม็ง เปล่งคำพูดว่าร้ายออกจากริมฝีปากของตนอย่างไร้ความลังเล "ผมไม่มีวันยอมหรอก ผมอยากให้คุณจำ..จำผมไว้ ห้ามลืมผม ห้ามเลิกรักผม ห้ามเลิกคิดถึงผม..สัญญาสิ...สัญญามาสิ.. "

ฝ่ามือที่ตะบปไหล่หนาหลังจากโธปสีเข้มหลุดเลื่อนจากร่างจิกแน่น ริมฝีปากบางเปล่งเสียงร้องครางครวญแผ่วเบาในลำคอด้วยความจุกเสียดยามแก่นกายร้อนแทรกเข้ามาในร่าง กระนั้นยังพยายามสะกดกลั้นความรู้สึก ริมฝีปากของคาวัลโลยังคงเอ่ยพูด พร่ำบอกซ้ำๆราวกับคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุด..

"...คุณไม่มีวันเลิกรักผม พูดมาสิ บอกมาสิว่าคุณจะรอ...บอกมาสิว่าจะไม่ไปไหน ไม่รักคนอื่น...ไม่มองคนอื่น พูดสิ...พูดออกมา..." ดวงตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองสบตาของตนนั้นช่างระทมทุกข์และสั่นไหวด้วยหยดน้ำตาที่ไหลเอ่อ ร่างบางสั่นไหวด้วยแรงกระแทกกระทั้นเบื้องล่างที่รุนแรงขึ้นทุกขณะเพราะอารมณ์ที่ใกล้จะปะทุ ..ยิ่งความรู้สึกยิ่งพุ่งสูง..ยิ่งใบหน้านั้นแดงก่ำมากท่าไหร่ น้ำตาและคำพูดของคาวัลโลก็ยิ่งดังก้องมากขึ้นเท่านั้น..

..ริมฝีปากบางยังคงเอ่ยคำเจือเสียงสะอื้นปนครวญครางแสนแปลกหู..ทั้งบังคับ ทั้งหว่านล้อม ทั้งบัญชาให้ทำตาม..

หากวิธีการพูดแตกต่างกันอย่างไร ใจความนั้นก็มีเพียงประโยคที่แสดงความหวาดหวั่น..ความเสียใจ..ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียออกมาทั้งนั้น..

ชีคหนุ่มเม้มปากแน่น เกร็งร่างเร่งจังหวะยามความรู้สึกทั้งหมดไต่ไปถึงจุดสูงสุดของความรู้สึก อัลชาอ์ประคองใบหน้าแสนรักนั้นมาแนบชิด กดประทับริมฝีปากบางที่ยังคงพร่ำเอ่ยคำที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจไม่หยุด..

ร่างของทั้งสองเกร็งกระตุก..ความสุขสมแล่นผ่าวผิวกายเมื่อร่างกายสุมสมถึงขีดสุด หากความสุขที่ได้กลับปนเปด้วยความขื่นขมกลบทับถมมันด้วยหยดน้ำตาเค็มปร่าและเสียงสะอื้นไห้..ร่างบางเกร็งกระตุกกอดรัดเขาแน่นทั้งกาย ให้แนบชิดไม่มีช่องว่าง บดเบียดผิวกายแนบแน่นด้วยหวังปราถนาให้สัมผัสนี้ไม่จางหาย ให้ร่างกายขอพวกเขาจดจำกันและกันอีกทั้งให้เจ้าของร่างนั้นจำค่ำคืนนี้ไว้ไม่เสื่อมคลาย..

ขีคหนุ่มหอบหายใจเร่า..ผละจากร่างบางที่ค่อยอ่อนระทวยซบลงบนที่นอนหนา แม้ฝ่ามือยังคงกำแน่น ปลายนิ้วจิกลงบนไหล่หนาไม่ยอมปล่อย..

..สติรู้คิดและการใคร่ไตร่ตรองค่อยหลุดหายทั้งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และด้วยรอยน้ำตาบนผิวแก้มขาวที่มองเห็น ทั้งที่ไม่ควรจะตอกย้ำซ้ำรอยจำให้เจ็บปวดยามนึกถึงเมื่อแยกทาง หากแต่ใบหน้าโศกเศร้า ดวงตาหม่นแสงทุกข์ระทมและเรือนกายเปลือยเปล่าที่ทอดกายบนเตียงกลับทำให้ความยับยั้งชั่งใจพลันเลือนหาย

ความสุขสมปนปะกับความทุกข์ระทมและหัวใจที่เต้นเร่าคล้ายจะหลุดออกจากขั้วแทรกผ่านทุกอณูความรู้สึก อัลชาอ์โน้มกายลงแนบชิดเจ้าของใบหน้าหวานคาวัลโลเลื่อนฝ่ามือแตะลงยังใบหน้าคมเข้ม ดึงให้ร่างสูงขยับแนบชิด ก้มลงสบตาและเงี่ยหูฟังคำพูดที่จะจองจำตนเองไว้ชั่วชีวิต..

" อย่า..ลืมผม "

ชีคหนุ่มขยับยิ้มขื่น ทุกข์ระทมหากปนเปด้วยความสุขสีเทาเช่นเดียวกับดวงตาของผู้เอ่ย ก่อนที่ทั้งสองจะแนบริมฝีปากเข้าหากัน..กอดรัดพัวพันสัมผัสอย่างแนบแน่นใช้เวลาทุกวินาทีที่ผ่านผันให้มีค่าที่สุด..

ก่อนพระอาทิตย์จะลืมตา ก่อนพระจันทร์จะลาจากขอบฟ้า..ก่อนที่เสียงนกร้องจะแว่วมาก..ก่อนที่ต้องลืมตาและพบว่าเป็นยามเช้า..


เช้าของวันที่ต้องจากกันไกล...


..............

งืมมมมมม..ตอนนี้หลากหลายอารมณ์ดีจิงๆ บร๊ะ

ว่าด้วยเรื่องฉากบู้ก่อนแล้วกัน เอาจริงๆงานนี้ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ อาจจะกล่าวได้ว่าเพราะมันเป็นการปิดประตูตีแมว เป็นสภาพบังคับที่ทำยังไงพวกที่บุกมาก็แพ้ และไอ้การที่ตัวเอกเดินไปยิงปืนโป้งป้างแบบชิวๆนี่ไม่ใช่แนวเท่าไหร่ จะเร้าใจก็ต้องนายเอกถูกล่าล่ะเนอะฮ่าๆ ( วกมากลั่นแกล้งกูทุกที/คาวี่)

แต่ชอบตอนนี้ที่คาวัลโลกระชากหนวด แสบจริงนะพ่อคุณ ฮ่าๆ :m20:
ส่วนตอนหลัง อยากบอกไปว่าเขียนไปก็อายไป อร้ากก ก ก ไอ้ฉาก XYZ กันนี่เคยเขียน แต่ไอ้ฉากที่คาวี่มัน..เอ่อ...นะ ทำแบบนั้นแบบบรรยาละเอียดนี่ไม่เคยเลยจะบอกว่าอายมาก แถมรู้สึกว่าตัวเองหื่นขึ้นอีกสิบแมก..โถ่ ชีวิตสาวน้อยวัยใสของข้าพเจ้าาาา /หลบตีนคนอ่าน

อารมณ์ตอนหลังๆนี่จะว่าไปก็ไม่หื่นเท่าไหร่หรอก อาจจะมีตอนแรกๆแต่หลังๆเป็นหื่นระทม...สุขปนทุกข์ สุขปนคราบน้ำตา..เฮ้อ จะจากลากันแล้วช่างน่าใจหายนัก...คาวี่จะจบแล้วอ่ะ คิดถึงลูกชาย คนเขียนแอบโหวงเหวงงง แต่ก็อยากเห็นลกชายเป็นหนังสือ ช่างสองจิตสองใจ ฮ่าๆ

แจ้งว่า อีกสองตอนคาวี่ก็จะจบแล้วนะคะ เรื่องหนังสือตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตีราคาอยู่ค่า รออีกนิด ถ้ามีรายละเอียดแล้วจะรีบแจ้งคะ

แปะเพลง ประกอบตอนนี้สักนิด

เพลง คืนสุดท้าย

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Stone Rose's Line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน[Yaoi]

Line :28 พยายาม

สายฝนเบื้องนอกยังคงลงเม็ดไม่ขาดสาย อากาศเย็นลงทั้งด้วยเป็นเวลาค่ำคืนและด้วยสายฝนที่พร่างพรมลงบนผืนดิน นาฬิกาบอกเวลาทุ่มห้าสิบนาทีซึ่งเลยเวลาร่วมโต๊ะอาหารไปแล้ว ภายในห้องนอนของชีคแห่งเซเนียยาที่เปิดไฟสว่างจ้าจึงมีถาดอาหารสองชุดวางอยู่บนโต๊ะ ข้างกันนั้นคือกล่องปฐมพยาบาลซึ่งมีผ้าพันแผลและขวดยานวดคลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเปิดทิ้งไว้ ให้กลิ่นหอมฉุนของสมุนไพรและตัวยาส่งกลิ่นลอยเอื่อยปนเปกับกลิ่นของอาหารที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่มีใครสนใจ

บนโซฟาตัวยาวในห้อง มีร่างของหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบที่บัดนี้สินฤทธิ์นั่งเงียบอยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืนคราง นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงบวมช้ำและแดงก่ำจากการร้องไห้จ้องมองฝ่าเท้าของตัวเองที่ถูกปลายนิ้วกดย้ำลูบไล้ตัวยาให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการปวดบวมจากรอยช้ำสีม่วงที่เด่นชัดจนน่ากลัว

ฝ่ามือของชีคแห่งเซเนียยาเอื้อมไปหยิบผ้าก๊อซสีขาวพันฝ่าเท้าที่ปวดบวมเอาไว้อย่างแน่นหนา นัยน์ตาสีเข้มทอดมองฝ่าเท้าขาวจัดที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่าย ก็ได้แต่ลอบถอนใจแม้จะนึกบ่นว่าตำหนิคนที่ทำอะไรตามอารมณ์โดยไม่นึกถึงสภาพร่างกายตนเองทว่าก็พูดได้แค่ในใจ เพราะไม่อยากจะไปว่าอะไรกระทบกระเทือนจิตใจคนที่กำลังเศร้าซึมให้ร้องไห้โยเยขึ้นมาอีกรอบ

ฝ่ามือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้ก็ต้องแกะออกมาเพื่อดูอาการ มองเห็นรอยช้ำสีแดงจัดจากบาดแผลบนฝ่ามือกรากฏชัด ก็นึกเบาใจที่แผลสมานตัวมากพอที่จะไม่เกิดอาการฉีกขาดขึ้นมาอีกจากการใช้งานแบบไม่บันยะบันยังของเจ้าตัว

มือซ้ายที่เป็นแผลก็ถูกใส่ยาและพันผ้าพันแผลใหม่อีกครั้ง ฝ่าเท้าสองข้างที่เคยออกแรงเตะเข้าใส่ลูกกรงเหล็กสุดแรงแบบไม่กลัวกระดูกแตกก็ต้องใส่ยาลดอาการปวดบวมของกล้ามเนื้อไว้ก่อน ใบหน้าที่เหลือแผลรอยข่วนจางๆตรงหัวคิ้วนั้นจางลงมาก หากแต่จมูกแดงก่ำ และดวงตาบวมช้ำสีเดียวกัน อีกทั้งแววตาที่ยังคงซึมเซาของคาวัลโล ทำให้ตอนนี้สภาพร่างกาย สภาพจิตใจทั้งหมดก็ถึงเวลาเปลี่ยนจากคนเจ็บเล็กๆน้อยๆเป็นคนป่วยได้อย่างไม่ระคายปากเสียที

อัลชาอ์กุมมือซ้ายที่พันแผลเสร็จแล้วก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ชีคหนุ่มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงก่ำก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มเบาๆสัมผัสให้คนที่นิ่งเงียบผิดวิสัยหันมาสบตาอย่างเงื่องหงอย

...มองแล้วสงสารแต่ก็อดจะแปลกใจไม่ได้...อัปกริยาแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยๆและอัลชาอ์ขอเรียกมันว่า"แมวป่วย"เสียเลย

แมวน้อยจอมแปรปรวนที่ปกติไม่เคยเชื่องและเอาแต่ขู่ฟ่อๆ ตอนนี้กลับเงื่องหงอยและป่วยไข้ ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูไปในเวลาเดียวกัน

เมื่อเจ้าตัวสามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว..ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ปลอบ..ต้องคอยประคองไม่ให้ล้มไปอีกครั้งอย่างเเข็งขัน

ฝ่ามือหนากุมมือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้แล้วบีบมันเบาๆ นัยน์ตาโตๆสีน้ำทะเลคู่นั้นจึงเงยมาสบมองอยางเซื่องซึม

"...หิวข้าวไหม? " มืออีกข้างที่แตะไล้ผิวแก้มยังคงคลอเคลียสัมผัสมันอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีเข้มสบมองแววตาคู่เดิมที่จ้องมองมาที่เขาซื่อๆเชื่องๆเหมือนกับว่าตอนนี้เจ้าตัวจะไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรซับซ้อนมากมายให้ปวดหัวอีกแล้ว

"..........." ศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองส่ายไปมาช้าๆ แสดงอาการปฏิเสธโดยไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกจากริมฝีปาก

"..กินสักหน่อยสิ....วันนี้ทานแค่ข้าวเช้าเองไม่ใช่เหรอ? " กระเพาะของเจ้าตัวส่งเสียงร้องโครกครากมาสักระยะแล้ว เสียแต่เจ้าตัวไม่ใส่ใจ คงไม่ใช่ว่าไม่หิว แต่ตอนนี้ไร้อารมณ์จะกินอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้นมากกว่า

".....ก็ได้....." น้ำเสียงที่พร่าแหบเพราะเปล่งเสียงร้องไห้มานานพอดูตอบออกมาเบาๆ...และลุกจากโซฟาเดินตามหลังอัลชาอ์ที่ดึงมือเจ้าตัวให้ตามมานั่งบนโต๊ะที่วางอาหารไว้อย่างว่าง่าย ชีคหนุ่มสังเกตเห็นสีหน้านิ่วและใบหน้าที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามขยับเท้าก้าวเดินของคาวัลโลชายหนุ่มตวัดสายตาไปมองฝ่าเท้าที่พันผ้าพันแผลไว้ เพราะคิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องร่างกายตัวเองเสียหมดเป็นแน่ มารู้สึกเจ็บเอาก็ตอนนี้ที่ทำแผลให้นี่เอง

"........." เสียงแกรกรากและเสียงแก้วและจานชามกระทบกันเบาๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มาเฟียหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ
ใบหน้าเหม่อมองหน้าต่างที่สายฝนเบื้องนอกยังสาดเข้าปะทะเปะปะไม่ขาดสาย.. อัลชาอ์หยิบถาดอาหารตลอดจนจานเปล่าและช้อนส้อมไปวางหน้าคนป่วยแสนเงื่องหงอยตรงหน้า และสะกิดเจ้าตัวให้ละสายตาจากหน้าต่างให้หยิบช้อนส้อมมาเริ่มทานอาหาร

แน่นอนว่าอาหารมื้อนี้มีเพียงความเงียบงันในบทสนทนา นอกจากเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานและเสียงสายฝนที่ยังลงเม็ดไม่ขาดสายเบื้องนอก ฝ่ามือที่กำช้อนไว้ในมือของคาวัลโลขยับตักอาหารเข้าปากตนเองอย่างเชื่องช้า สลับกับอาการถอนใจยาวๆเป็นระยะ ช่างแปลกตาเสียเหลือเกินกับคนที่เคยคุ้นภาพการกินเป็นพายุบุแคมของเจ้าตัว

"...ฮาซานเป็นไงบ้าง ?" วางช้อนส้อมลงบนจานของตนเองพลางถอนหายใจออกมาอีกเฮือกแล้วเอ่ยปากถาม นัยน์ตาคนพูดฉายแววละอายใจที่เผลอไปลงอารมณ์ใส่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง

" ก็เจ็บ...แต่ไม่มากหรอก...ยังไงก็ไปขอโทษเขาเสียแล้วกัน " ชีคหนุ่มเอ่ยตอบ สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลพลางสังเกตสังกาอาการของเจ้าตัวไปด้วย

"..อืม....." ส้อมในมือขาวพันเส้นสปาเกตตี้เข้าปากคนกินอย่างเนือยๆ ทานเข้าไปอีกคำแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง...ดูไร้ชีวิตจิตใจเสียยิ่งกว่าหุ่นกระบอกตัวนึงด้วยซ้ำ

"...ขอโทษ...." ไหล่ที่เคยตั้งทรนงองอาจลู่ลงอย่างรวดเร็ว คนพูดถอนหายใจอีกเฮือกและมีสีหน้าไร้อารมณ์ยิ่งกว่าเคย

" กินข้าวซะเถอะ " มองอัปกริยาของเจ้าตัวแล้วอัลชาอ์นึกอยากจะดึงเจ้าตัวมานั่งตักแล้วป้อนให้เองเสียสิ้นเรื่อง แต่ก็จนใจด้วยคาวัลโลคงไม่ยอม...ไม่สิ...บางทีคาวัลโลอาจจะยอมก็ได้ แต่ตัวเขาก็ไม่คิดจะทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไปมากกว่านี้

"............." พยักหน้าหากแต่ก็หยิบส่อมมาม้วนสปาเกตตี้เข้าปากได้ไม่เท่าไหร่ก็ถอนหายใจยาวแล้ววางลงอย่างคนไร้ซึ่งความอยากทางอาหารโดยสิ้นเชิง..

มองอาหารส่วนของเจ้าตัวที่ยังเหลืออยู่มากโขแล้วส่ายหัว อัลชาอ์จ้องมองสีหน้าเหม่อลอยของคาวัลโลแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจชีคหนุ่มเอื้อมมือขวาไปหยิบส้อม มือซ้ายกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะมาคลายออกได้อย่างง่ายดาย และยัดส้อมใส่มือมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง

สบมองนัยน์ต่สีน้ำทะเลที่มองมาเชิงปฏิเสธ ทว่าชีคหนุ่มก็ยิ้มเคร่งขัดตาทัพไว้ก่อน

"...อีกสิบคำ..."

"....ห้าไม่ได้เหรอ? "มองสปาเกตตี้ในจานแล้วถอนหายใจเฮือก นึกถึงก้อนเเข็งๆที่ยังจุกอยู่ในลำคอทุกครั้งที่กลืนอะไรเข้าไปแล้วก็ไม่เหลือความอยากจะทานอะไรอีก

"....สิบ....ห้ามตักทีละนิดด้วย " มองคนที่ต่อรองเบาๆแล้วก็ส่ายหน้า....ท้ายสุดคาวัลโลจึงพยักหน้ารับและตักอาหารจานโปรดของตัวเองเข้าปากอีกรอบ อีกทั้งนัยน์ตาเซื่องซึมเหมือนแมวคู่นั้นก็ลอบมองมาที่เขาบ่อยๆ ดูเกรงใจและเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในที

ชีคหนุ่มลอบสังเกตอาการหลุกหลิกนั้นอย่างใจเย็น มองภาพการทานอาหารของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าประกอบกับการตักอาหารรับประทานของตนเองช้าๆ

...รู้ว่าคาวัลโลคงจะมีหลายอย่างค้างคาอยู่ในใจและต้องการคำตอบ แต่ว่า....ต้องรู้จักใจเย็นบ้าง

ก่อนจะคิดทำอะไรควรจะรักษาร่างกายตัวเองให้ดีเสียก่อน เมื่อร่างกายพร้อม การคุยธุระต่างๆจึงจะทำได้อย่างไม่ติดขัด

ทำแผลแล้วกินข้าวให้เรียบร้อยเถอะ...เพราะหลังจากนี้ ก็ยังมีเรื่องคุยกันอีกยาว...

...................
สายฝนยังพร่างพรมไม่ขาดสายแม้นาฬิกาจะหมุนไปยังเลขสาม อากาศกลางคืนในวันฝนตกซึ่งมีอยู่ไม่ถึงเดือนของเซเนียยานั้นเย็นลงอย่างน่าใจหายจนแทบไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเสียด้วยซ้ำ โคมไฟบนโต๊ะทำงานขนาดย่อมในห้องนอนเปิดไฟส่องสว่าง ขณะะที่ร่างของมาเฟียหนุ่มเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ สวมชุดนอนเนื้อบางนุ่มสบายผ้าขนหนูพาดอยู่บนไหล่ คอยซับน้ำจากเส้นผมที่เปียกชื้น

นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองไปยังร่างของชีคแห่งเซเนียยาเงียบๆ สวมรองเท้าแตะสำหรับใส่ในห้องแล้วค่อยลากเท้าไปหาคนที่กำลังปิดคอมพิวเตอร์แลปท๊อปและกวัดมือเรียกให้ไปใกล้ๆ

นั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่อัลชาอ์เริ่มทำแผลให้ใหม่อีกครั้งหลังจากเปียกน้ำไปจากการอาบเมื่อครู่ คาวัลโลจ้องมองฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้ตัวยาบางๆสลับกับนวดเคล้นฝ่าเท้าของตัวเองด้วยแววตาสั่นระริก...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ผ่าวร้อนจากการร้องไห้ยังคงแดงช้ำ แม้จะหยุดน้ำตาได้หลายชั่วโมงแล้วก็ตาม เขาจ้องมองฝ่ามือที่กำลังลูบไล้ฝ่าเท้าตนและดูแลให้อย่างอ่อนโยนด้วยสายตาซาบซึ้งยิ่งนัก

"..ไม่....ต้องทำขนาดนี้ก็ได้..." เสียงพึมพัมห้ามปรามแทบไม่หลุดจากริมฝีปาก แต่นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นก็ตวัดมาจ้อง...สบตาเพียงชั่วครู่หากแต่ผิวแก้มกลับร้อนผ่าว

".แค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไร " คำตอบนั้นทำให้ คาวัลโลเม้มปากแน่นมองอัลชาอ์ทำแผลเงียบๆ อย่างไม่คิดจะโต้เถียงอะไรอีก ฝ่ามือกำผ้าขนหนูที่เปียกชื้นด้วยน้ำไว้อย่างลังเลไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือจะ...เริ่มยังไงดี..

....เมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้...เมื่อรู้ว่าอัลชาอ์ทำเพื่อเขาขนาดไหน...มันก็..ใจแข็งต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว

ไม่สิ นับแต่เขารู้ว่าเสียทุกอย่าง...แต่เหลือเพียงผู้ชายคนนี้อยู่ตรงหน้า คาวัลโลก็ไม่คิดจะใจร้าย ไม่คิดจะ....ทำร้ายจิตใจตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว...

รู้ตัวดีว่าที่ถอยห่างออกมาเพราะหวั่นไหว รู้ดีว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันออกมาจากใจ...และ...นั่นก็มากมายเกินพอ

ไม่รู้หรอกว่านี่คือรักรึเปล่า ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรได้ดีแค่ไหน แต่...ถ้าเพียงแต่มีโอกาส เขาก็จะพยายาม...พยายามให้ดีที่สุด...

ถ้าคิดจะกลับไป...ถ้าจะกลับไปหา จะได้ไหม

จะมีใคร...อยู่ตรงนี้แทนที่เขาอยู่รึเปล่า?

...รู้ตัวดีว่าการถูกทอดทิ้งจากครอบครัวและแกงค์ ไม่อาจจะหาทางกลับไปได้อีกแล้ว เขาจึงหันกลับมามองที่เดียวที่ตัวเองยังอยู่ได้ตอนนี้
ที่เดียวกับที่ซึ่งฉุดรั้งเขาออกมาจากโลกอันมืดหม่น

...อ้อมกอดของอัลชาอ์...

ไม่สนหรอกว่ากลับมาแล้วเขามันก็ไม่ต่างกับคนหน้าด้านหรือพวกไร้ทางไป..ในเมื่อมันก็ถูกต้องแล้ว มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ถ้าไม่เสียอะไรในมือไป ก็คงมองไม่เห็นค่าของความรักที่ถูกหยิบยื่นมาให้นานแสนนาน

หากไม่มีแกงค์ ไม่มีครอบครัว ไม่มี"วาลกัส" หรือกฏข้อห้ามทั้งหลาย ไม่มีของพวกนี้..ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธผู้ชายแสนดีตรงหน้า

..แต่....

มันจะสายเกินไปรึเปล่า?

"...ผมยาวขึ้นนะ..."ปลายนิ้วแตะลงบนเส้นผมเปียกชื้น นัยน์ตาที่จับจ้องมาในระยะประชิดทำเอาคนเหม่อถึงกับสะดุ้งสุดตัว คาวัลโลมองปลายนิ้วที่สัมผัสเส้นผมชื้นของตนแล้วหยักหน้ารับช้าๆด้วยนัยน์ตาฉายแววประหม่าชัดเจน..

...พอรู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรแล้ว..มันก็...

"อืม..."รับคำเบาๆพลางสบมองนัยน์ตาสีดำสนิท

"..อยากตัดไหม? " ปลายนิ้วนั้นยังคลอเคลียใกล้ๆผิวแก้ม ความร้อนผะผ่าวที่แผ่อุณหภูมิใกล้ๆทำให้ผิวแก้มร้อนวูบขึ้นมาอย่างเผลอไผล..พอคิดว่าจะไม่ห้ามใจ พอคิดว่าจะ"พยายาม"เริ่มรัก แค่นี้ก็เริ่มขัดเขินจนทนไม่ไหวเสียแล้ว

"...ไม่เป็นไร " เขาส่ายหัวปฎิเสธช้าๆ เพราะเส้นผมที่ยาวขึ้นมาก็ใช่จะเกะกะอะไรสักเท่าไหร่

"..อืม...แบบนี้ก็น่ารักดี "แก้มร้อนวูบกับรอยยิ้มบนริมฝีปากพราวระยับที่แผ่มาถึงดวงตาคู่นั้น คาวัลโลเสหลบตาวูบผละกายออกห่างแล้วบ่นงึมงัมผ่านริมฝีปากด้วยความขัดเขินทำตัวไม่ถูก

"...ขอโทษ...คุณคงไม่ชอบ "นึกไม่ถึงว่าการขยับกายหนีเพียงเล็กน้อยกลับสร้างช่องว่างขึ้นมาอีกครั้ง หลักจากชิดใกล้กันเพียงไม่นาน สีหน้าของชีคหนุ่มที่ยิ้มละไมเปลี่ยนเป็นนิ่งขึง ทำให้คาวัลโลชะงักนัยน์ตาเบิกขึ้นด้วยความงวยงง

..พลันเขาก็นิ่งเช่นกัน...ได้แต่ก้มหน้าและหรุบสายตาต่ำทำได้เพียงเหลือบแลมองปลายคางของอัลชาอ์อย่างเงื่องหงอย

เมื่อเจ้าแมวน้อยที่เคยเชื่องพลันสะบัดตัวอกห่างและกลายเป็นเงียบซึม จะอย่างไรก็ใจร้ายกับมันไม่ลงเช่นเดิม อัลชาอ์ผ่อนลมหายใจช้าๆ ฝ่ามือยื่นไปตรงหน้าอีกครั้ง

"..ผมทำแผลให้ "

ส่งฝ่ามือซ้ายไปให้ตามเสียงเรียกนั้น วางลงบนฝ่ามืออุ่นร้อนอุณหภูมิที่แตกต่างทำให้หัวใจกระตุกวูบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คาวัลโลมองชีคหนุ่มที่เริ่มใส่ยา และพันแผลให้ตนเงียบๆ เขาเม้มปากแน่นก่อนจะเริ่มเอ่ยปาก

"...ผม....ขอโทษ..."

"..ไม่เป็นไร " อัลชาอ์รับคำเบาๆ ไม่ได้เงยหน้าจากบาดแผลขึ้นมาสบตาแต่อย่างใด

"..ขอโทษ..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบถี่จ้องมองเสี้ยวหน้าและเส้นผมสีนิลที่หยักสลวยของอัลชาอ์เขม็ง

"...พอได้แล้ว...." ลมหายใจยาวถูกระบายลงอย่างหนักหน่วง อัลชาอ์เงยหน้าขึ้นมาจากแผลที่มือ อ้าปากจะบอกว่าเสร็จแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเป็นเขาที่ต้องตกใจกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่รื้นด้วยหยาดน้ำและขอบตาที่เเดงก่ำขึ้นมาอีกครา

"...@$#..." ชายหนุ่มสถบเป็นภาษาบ้านเกิดเบาๆก่อนจะถอนหายใจและขยับเข้าใกล้คนที่เปลี่ยนจากคนเข้มแข็งดื้อรั้น กลายเป็นคนอ่อนไหวเจ้าน้ำตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฝ่ามือของชีคหนุ่มแตะลงบนผิวแก้มแล้วละเลียดเช็ดน้ำตาหยดเล็กนั้นอย่างเบามือ ชีคหนุ่มส่ายหน้า จับมือของคนขี้เซาไว้ข้างหนึ่งแล้วบีบเบาๆ

" ผมไม่ได้ไม่พอใจ..แต่คุณไม่ได้ผิดมากมายอะไรขนาดจะต้องขอโทษซ้ำๆซากๆ..." ถอนหายใจแล้วละมือออกจากใบหน้าคนฟัง " มันจะเป็นการตอกย้ำทำร้ายตัวเองเสียเปล่าๆ...เข้าใจไหม? "

" ....ผม...ขอโทษ...." พูดแล้วแต่คาวัลโลก็ยังคงจะออกปากขอโทษต่อไป อัลชาอ์ถอนหายใจ อ้าปากจะพูดหากเมื่อได้สบแววตาสีน้ำทะเลคู่นั้น กลับทำให้เขาเองที่ต้องนิ่ง....เงียบงันกับสิ่งที่สื่อออกมาผ่านแววตานั้นโดยไร้ถ้อยคำ..

ขอโทษ....

ขอโทษ....

ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจ ขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ...และขอโทษ....ที่ใจร้ายเหลือเกิน..

"...ผม...." คาวัลโลเม้มปากแน่นริมฝีปากที่สั่นระริกพยายามจะอ้าปากพูด แต่อัลชาอ์ก็ถอนหายใจและเอื้อมมือรั้งร่างของเขามากอดเอาไว้หลวมๆ ฝ่ามือหนาลูบศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองอย่างเบามือ..

"...ผมไม่เคยโกรธคุณ...คาล.."

"....ให้โอกาสผมได้ไหม? " ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยคำพูดผ่านไหล่หน้าที่ซุกซบแผ่วเบา หากเด่นชัด..ชัดเจนในสมองของคนฟัง

" คาวัลโล...?" อัลชาอ์นิ่ง..ขมวดคิ้วออกมาจางๆ...

" ...ได้รึเปล่า?" ดวงตาคู่นั้นเงยมาสบตา...แววตาเว้าวอนนั้นทำให้ชีคหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ...ทั้งยินดี...หากก็สงสัยเคลือบแคลงไปในตัวเช่นกัน..

"...ผมบอกแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้อง...ทำแบบนี้..." รอยยิ้มของชีคหนุ่มแฝงด้วยความเจ็บปวดและอึดอัดใจอย่างชัดเจน...นั่นทำให้ผู้ฟังชะงัก อ้าปากค้างด้วยสีหน้าตกตะลึง...

" ไม่ใช่...ผม "

" ฟังนะ คาวัลโล " อ้อมกอดที่เคยมีผละจากไปเหลือเพียงความเย็นยะเยียบของบรรยากาศ ร่างของชีคหนุ่มลุกพรวดจากเก้าอี้ กอดอกและขยับฝีเท้าเดินรอบโต๊ะทำงานช้าๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด..ทิ้งให้คาวัลโลนั่งนิ่งอึ้งอยู่บนโต๊ะ เขาได้แต่มองตามร่างสูงของท่านชีคแห่งเซเนียยาด้วยแววตารวดร้าว...ไม่เข้าใจ...

....หรือคำพูดของเขาจะไม่มีน้ำหนัก ไม่มีความสำคัญพอจะเชื่อถืออีกแล้ว..?

..............

"...ที่ผมฟังมา ไม่ใช่ว่าคุณจะไร้หนทาง พี่ชายและครอบครัวคุณยังไม่ได้ตัดขาดเสียหน่อย พวกเขาห่วงคุณมาก...ที่พี่ชายคุณต้องการจะส่งคนมาหาเพราะเขาไม่อยากให้คุณมีอันตราย ถึงลุงของคุณจะ...ยกเลิกการรับตำแหน่งของคุณไปก่อน..แต่ว่าเราก็ใช่จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้...ผมจะหาทางช่วยคุณเอง.."

" อัลชาอ์..."

" ผมไม่คิดจะฆ่าหรือทำอะไรคุณแล้วนะคาวัลโล สบายใจได้ ตอนนี้ที่ควรทำคือตั้งสติ และหาทางออก คุณไม่ใช่คนที่จะมาจมกับเรื่องราวผิดหวังแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? "

"..อัลชาอ์"

" ...ตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะช่วยกันหาทางออก ..ทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณและผม...เรา..."

" เงียบนะ!!! "เสียงตะโกนลั่นของมาเฟียหนุ่มหลังจากคำพูดของชีคแห่งเซเนียยากำลังอธิบายแผนการณ์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด...เสียงตะโกนนั้นทำให้ร่างที่เดินว่อนชะงักฝีเท้า และหันมามองตาเขาในที่สุด..

"...ฟังผม...ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว " ร่างเพรียวลุกขึ้นจากกเก้าอี้ ที่สุดแล้วเศษเสี้ยวความอ่อนแอและอ่อนไหวทั้งหลานก็ถูกปัดให้พ้นจากตัว เมื่อโกรธจัดเสียจนคิดอะไรไม่ออก นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับเพ่งมองวงหน้าคมของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา คาวัลโล วาลกัสหัสเราะออกมาเบาๆ แม้สีหน้าของเขาจะบ่าชัดว่าไม่ขำ

"...ไม่ว่าใครจะเป็นจะตายทางนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับผมอีกต่อไป ไม่ต้องการคือไม่ต้องการ ไม่เอาคือไม่เอา ...ผมไม่มีสิทธิจะกลับไป...นั่นก็คือไม่มีสิทธิ..."

" คาวัลโล ..."

" ผมถามคุณมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว...และยังไม่ได้คำตอบ...." นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับแดงก่ำ จ้องมองดวงตาของชีคหนุ่มเขม็ง " ผมถามว่าอยู่ที่นี่ได้รึเปล่า...เป็นครั้งที่....สี่...หรือห้า...อะไรแบบนั้น "

ร่างเพรียวก้าวเท้ามาประจัญหน้า จ้องมองนัยน์ตาสีเข้มเขม็งไม่ยอมหลับ ริมฝีปากของคาวัลโลเม้มแน่น สีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการคำตอบนั่นทำให้ชีคหนุ่มต้องประจัญหน้าอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกัน

"...คำว่าไม่ต้องการ ไม่ได้หมายความถึงของที่ไม่อยากได้แล้วก็เขวี้ยงทิ้ง สำหรับ"พวกเขา" ไม่ต้องการ คือไม่มีสิทธิจะกลับไปให้เห็นหน้า ไม่มีค่าที่จะมีชีวิตต่อ...รู้รึเปล่า? " คาวัลโลกลืนก้อนแข็งๆในลำคอลงไปอย่างยากเย็น และเขาก็เริ่มหัวเราะอีกครั้ง " ....ต่อให้เขาจะเป็นลุงผมเขาก็ทำได้ ที่ผมเสียใจเพราะอะไร? คุณคิดว่าเพราะไม่ได้ตำแหน่งงั้นเหรอ..นั่นก็ใช่ แต่ไม่มากกว่าที่ลุงไม่รักผมแล้ว เขาสั่งฆ่าผมทันทีที่ผมกลับไปเหยียบอิตาลี...หรืออาจจะทำแม้กระทั่งผมอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ...ผมจะขัดขืนยังไงกับคนที่มีครอบครัวผมเป็นตัวประกันในมือ ลุงอาจจะเอาพี่ผมเป็นบอส...และเพราะเป็นบอสนั่นล่ะ ครอบครัวของผมถึงได้ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น..เขาจะฆ่าทุกคน..ที่ขวางทาง...เข้าใจไหม?"

"...ที่ผมทำได้ก็คือไปให้ไกลจากอิตาลีมากที่สุด...อย่าได้เข้าไปเหยียบที่นั่นอีก...นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมทำได้...ต่อให้เก่งแค่ไหนผมก็สู้มาเฟียทั้งแกงค์ไม่ได้..ผมไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว..."

".........."

"...เพราะแบบนี้ผมถึงได้ถาม...แต่ถ้ายังไม่มีคำตอบจากคุณ...ก็พอกันที..." ดวงตาคู่นั้นวาววับด้วยน้ำตาที่ใกล้จะรินไหล คาวัลโลสูดหายใจลึก...ล้มได้ก็ต้องลุกได้...ใช่...ล้มแล้วลุกเองได้ แต่จะเหมือนเดิมได้ไหม?

...จะกลับไปที่เดิมที่เคยอยู่ได้รึเปล่า?

โลกนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ง่ายดายขนาดนั้น ราฟาเอลโร่มันก็บอกเขาเป็นนัยๆแล้วว่าตอนนี้ข่าวของเขาแพร่พระจายไปทั่วแล้วว่ากลายเป็นอีตัวอยู่บนเตียง ซุกตัวหลบหลังอยู่ในการคุ้มครองของอัลชาอ์ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงไม่ต้องการเขา เพราะข่าวเสื่อมเสียแบบนั้น...การกระทำที่ผิดมหันต์สำหรับคนจะเป็นบอส..

...เป็นเพราะเขาพลาด คิดจะตายกลบเกลื่อนตัวตน..แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องครั้งนี้พิสูจน์ให้เขาเห็น ว่าข่าวที่พยายามผิดให้มิดแค่ไหน มันก็ไปเร็วมากแค่นั้น

แผนที่คิดว่าสามารถปกปิดได้เหนือชั้นและไม่มีใครมองออก ท้ายที่สุดก็รั่วไหลและสร้างความเสียหายให้คตัวเขามากกว่าที่คาด

..ใช่...เพราะเขาพลาดจึงไม่มีสิทธิกลับไป พลาดตั้งแต่ถูกหลอกให้ไปโจมตีอัลชาอ์ พลาดนับแต่ถูกจับ..บางที อาจจะพลาดตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่ประเทศอาหรับเอมิเรตส์

เพราะชีวิตไม่มีปุ่ม"รีเซ็ต"ให้เริ่มต้นใหม่ เพราะฉะนั้นเขาที่พลาดไปแล้ว..ถึงได้หมดหนทางจะกลับไป..

"...คุณไม่ได้หมดทางไปขนาดนั้น " อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของคนพูด ชีคหนุ่มส่ายหน้าช้าๆอย่างเคร่งขรึม

" ผมถึงได้ถามทางจากคุณไงล่ะ..." คาวัลโลจ้องหน้าคนพูด เขาหัวเราะขื่นๆออกมาพลางยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ ราวกับจะสงบสติอารมณ์ " ผม....อยากจะอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ เพราะอย่างน้อยผมก็...สบายใจ..."

" ตำแหน่งบอสสำคัญสำหรับคุณมาก..."ชีคหนุ่มจ้องหน้าคนพูดเขม็ง สีหน้าราวกับจะตัดสินใจบางสิ่งบางอย่าง

"...พอได้แล้ว !!! " ริมฝีปากบางเม้มแน่น ตวาดออกไปเสียงห้วน น้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาเริ่มซึมชื้นอย่างช้าๆ " เพราะสำคัญผมถึงเสียใจไง เพราะสำคัญผมถึงได้กลายเป็นไอ้บ้าอยู่แบบนี้ ! ...แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้แล้วจะทำยังไง ผมจะดันทุรังยังไงไหว ในเมื่อตอนนี้มีผมแค่คนเดียว ! ....คุณกำลังเฉไฉ ไม่ตอบสิ่งที่ผมอยากรู้...แต่บางที นี่อาจจะเป็นการบอกให้ผมรู้ทางอ้อมก็ได้..."

"....ในเมื่ออยู่ที่นี่ไม่ได้ผมก็จะไป...หรือจะลากผมไปฆ่าตามกฏก็เรื่องของคุณ ผมถามคุณคำถามเดียว แต่ในเมื่อยังไงก็ไม่ได้คำตอบ ก็ป่วยการจะซักไซ้ "

มาเฟียหนุ่มสุดหายใจแรงเขาทำท่าจะพลิกตัวหันหลังกลับ เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะพูดต่อ ในเมื่อพูดยังไง คนตรงหน้าก็ไม่ยอมฟัง และไม่ยอมเชื่ออยู่ดี..

เอาแต่คิดจะเลือกทางที่เขาทิ้งไปแล้ว คอยแต่จะยัดเยียดสิ่งที่พยายามตัดใจทิ้งมาให้

..ทำไมล่ะ ทำไมล่ะ คุณน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ? คุณน่าจะพอใจที่ผมไม่อยากไปไหนแล้ว แต่ทำไมถึงได้พยายามจะลากผมกลับที่เดิมนักหนา

...ที่ตรงนั้นมันไม่สนุกหรอกนะ ต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา ทั้งสูงทั้งหนาว ไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร มีแต่ศพคนตายก่อเป็นบันไดให้เดินไปเรื่อยๆ

แล้วทำไมถึงต้องให้ผมกลับไป หรือต้องการจะให้ผมไปไกลๆตากันแน่

" เดี๋ยวก่อน คาวัลโล นี่คุณกำลังใจร้อนอีกแล้วนะ ทำแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ! " อัลชาอ์กำแขนมาเฟียหนุ่มแน่น ชีคหนุ่มบีบมันแน่นขึ้นแล้วเขย่าแรงๆราวกับจะให้คนที่โกรธจนโมโหหัวฟัดหัวเกวี่ยงได้สติเสียที

"...ถ้าผมใจร้อน คุณมันก็ไอ้บ้าที่กำลังหนีความจริง !! " เม้มปากแน่นแล้วจ้องหน้าคนพูดเขม็ง...แต่...ทว่าก็ทำได้เพียงไม่นานนักเมื่อความเจ็บปวดแล่นเริ้วจนเขาต้องหลบตาคู่นั้นอยู่ดี " ...คุณทำเป็นไม่สนใจว่าผมกำลังจะพูดอะไร...ทั้งที่ผมคิดแบบนั้นจริงๆแต่คุณก็ไม่เชื่อ....ผมพยายาม..ผมพยายามแล้วนะ....ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจเสียที "

".....เรื่องนั้น..."สีหน้าคนฟังลังเลไปชั่ววูบ แรงบีบที่น้อยลงทำให้คาวัลโลสะบัดแขนตนเองให้หลุดออกจากมือหนาได้ในที่สุด

" .. คำพูดผมมันไม่น่าเชื่อถือใช่ไหม? ผมมันไอ้คนสับปลับงี่เง่าที่ทำให้คุณเสียใจอยู่ตลอดเวลานี่..จะโกรธผมไม่เชื่อใจผมก็สมควร
แล้ว...ถึงตอนนี้ผมจะบอกว่าอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่กับคุณ คุณก็เอาแต่จะลากผมกลับไปที่เดิม..ทั้งๆที่ผมตัดใจไปแล้ว.." นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันกลับมาจ้องมองเขาอีกครั้ง ด้วยแววตาคู่เดิมที่แสนคุ้น เจ้าตัวไม่ได้ร้องไห้ แต่ความสับสนทุกข์ระทมในแววตาแสดงออกเด่นชัด...ก่อนที่น้ำใสๆจะค่อยเอ่อล้นขอบตาและอาบแก้มใสอย่างเชื่องช้า

ราวกับปลายมีดแหลม ค่อยกดลงตัดหัวใจที่เต้นตุบให้เลือดค่อยนองเอ่อ..

ช้า...หากแต่ทรมารราวกับจะขาดใจ..

"....ต่อให้ผมเลวแค่ไหนในสายตาคุณ ก็ไม่คิดจะล้อเล่นกับหัวใจใคร...ผมเคยพูดกับคุณยังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ...ผมบอกว่า...จะรักใคร..ผมก็จะทำแบบนั้น..." คาวัลโลเม้มปากแน่น นัยน์ตาที่สบมองแววตาของชีคหนุ่มค่อยหรุลงช้าๆ ทิ้งแพขนตาหนาทาบแก้มใส "...ผมจะพยายาม...ได้ยินไหม....ผมจะพยายาม..."

...ถึงมันจะสายไปแล้ว..

ถึงแม้คุณจะไม่ได้รักผมอีกแล้ว.

แต่ขอโอกาสให้ผมหน่อยได้ไหม? ขอโอกาสให้ผม"พยายาม"จะรักใครสักครั้ง..

ฝ่ามือหนาแตะทาบแก้มขาวที่อาบน้ำตา ปลายนิ้วของชีคอัลชาอ์แตะลงบนเปลือกตาและขนตาเปียกชื้นที่สั่นระริกไหว..ชีคแห่งเซเนียยาทอดมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยืนหลับตานิ่ง ริมฝีปากและฝ่ามือสั่นระริกรอคอยคำตอบของเขาที่จะเป็นดั่งคำตัดสินโชคชะตาของตนเอง..

..หัวใจที่เคยเจ็บแปลบบัดนี้เต้นกระหน่ำรุนแรง ปลายนิ้วไล่สัมผัสใบหน้าที่ฝันหาทุกอนู..ทั้งเปลือกตา หางคิ้ว ริมฝีปาก จรดปลายจมูกโด่งสัน..

หากตกลง จะได้เป็นเจ้าของ..

แต่ก็หาใช่เจ้าของที่แท้จริง

คำว่า"พยายาม"บอกชัดเจนว่ายังไม่ได้รัก..

แต่จะ"พยายาม"รัก พยายามรู้จักความรัก...

ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาจะให้โอกาสหรือไม่..?

โอกาสที่จะให้ชายหนุ่มที่เป็นดั่งเด็กทารกหัดเดินเรื่องความรักเบื้องหน้าได้รู้จักและเติบโตได้ด้วยคำๆนี้เสียที..

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยและถอดใจไปแล้วครั้งหนึ่ง...โอกาสที่ริบหรี่เหลือเกินกลับเปล่งประกายโชติช่วงอยู่เบื้องหน้า..หากแต่ว่า มันอาจจะต้องแลกกับความเจ็บช้ำมากมายนัก..

หากสำเร็จก็จะได้รัก แต่หากไม่สำเร็จ ครั้งนี้คงเจ็บปวดรวดร้าวนัก..

จะเลือกรักและ"พยายาม"เช่นเดียวกับชายหนุ่มตรงหน้า จะเสี่ยงเดิมพันอีกครั้งเพื่อหัวใจที่ตนเองต้องการ หรือจะรักษาใจของตนไม่ให้เจ็บซ้ำ ด้วยการปล่อยให้ทุกอย่างหลุดลอยไป..

..ขึ้นอยู่กับเวลานี้

" รักผมไหม คาวัลโล ? " น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นไหวประหลาดหู คาวัลโลไม่รู้ว่าเพราะมันเจือสะอื้นหรือเพราะด้วยความยินดีกันแน่ ชายหนุ่มนึกสงสัยเปลือกตาของเขากระตุกถี่ หากแต่ก็ยังไม่เปิดขึ้นมา..

"..ผม......จะ...พยายาม.." เขาพูดได้เพียงเท่านี้ บอกได้เพียงเท่านี้จริงๆ ไม่อยากโกหก และไม่คิดว่าคำโกหกจะทำให้ใครยินดีได้ โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ จะอย่างไรคำโกหกว่ารัก มันคือคำโกหกที่ร้ายแรงที่สุดในโลก

มาเฟียหนุ่มค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาสีนิลที่ฉายชัดถึงความรวดร้าว..ให้หัวใจเจ็บแปลบ..

หากแต่อัลชาอ์ก็ยังยิ้ม..ยิ้มออกมาอย่างกึ่งเศร้ากึ่งสุข..

"...ถือว่าผมขอ...อย่าให้ความพยายามของคุณและผมเปล่าประโยชน์เลยนะ " ฟังคำพูดนั้นแล้วหัวใจปวดแปลบจนน้ำตารินไหล ไม่รู้ว่าด้วยสุขหรือเศร้าจนปวดใจอ้อมกอดนี้จึงทั้งอุ่นร้อนและเย็นยะเยือกนัก..

หากแต่ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บและอ่อนไหว มันก็ยังคงเป็นที่ต้องการ..
แม้เดิมพันครั้งนี้จะสูงจนหากพลาดพลั้งแล้วคงไม่แคล้วต้องขาดใจตายก็ตามที

"...ผมจะ...รักคุณ...จะเรียนรู้ที่จะรักคุณ...ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ..อัลชาอ์..." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม เขาขยับตัวออกจากอ้อมกอด ทรุดตัวลงคุกเข่าซ้ายลงข้างหนึ่ง พร้อมกับยื่นมือมาหา..

"........." สีหนาของชีคหนุ่มเปลี่ยนจากขรึมปนเศร้าเป็นตกตะลึงทันควัน เมื่อพบกับท่าทางพิลึกพิลั่นของมาเฟียหนุ่ม อัลชาอ์หน้าเบี้ยวกับมือที่ยื่นมาจากคนตัวเล็กกว่าซึ่งกำลังคุกเข่าขอ...ความรัก?

"...อย่าทำหน้าแบบนั้น นี่เป็นวิธีขอคบเป็นแฟนไง.." นัยน์ตาสีน้ำทะเลพราวระยับแม้เปื้อนน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย หนุ่มอิตาเลียนที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกติดอันดับโลกกำลังพยายามจะใช้ยุทธวิธีดั้งเดิมสำหรับขอความรักอย่างไว้ลาย จะเสียก็แต่คนที่เขากำลังแสดงให้เห็น ไม่ใช่สาวน้อยนี่สิ

"..ได้ประ......."

"...คบกับผมนะ " ร่างทั้งร่างปลิวหวือจากแรงดึงของมือที่แตะลงบนฝ่ามือขวาทำให้ประโยคที่กำลังจะพูดขาดหาย คาวัลโลร้องเหวอในลำคอเบาๆเมื่ออัลชาอ์ดึงตัวเขาไปกอดแน่น แถมยังกระซิบพูดคำที่เขาคิดจะพูดเสียดิบดีด้วยแนะ..

"...อะไรกัน ขี้โกง ตัดหน้า " นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองค้อน ดูน่ารักน่าชังนักในสายตาคนมองนัก

"...ก็ผมเป็นคนหลงรัก...ผมต้องพูดสิ.." ชีคหนุ่มยิ้มออกมาได้ในที่สุด แม้ดวงตาจะฉายแววกังวลจางๆ แต่บรรยากาศแสนสุขในห้องทำให้ไม่อาจจะขังตัวเองให้คิดมากอยู่ได้ตลอด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าแมวในอ้อมกอดเริ่มออกลายซุกซนให้รื่นเริงอีกครั้ง

"..ยิ้มแล้ว.." ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มแล้วลากวาดตามริมฝีปากที่กำลังยิ้มให้ตนอยู่ " ดีใจที่คุณยิ้ม..."

"...อืม...." ริมฝีปากหนาแตะลงบนปลายนิ้วเรียวที่วางบนเรียวปาก อัลชาอ์โอบร่างของมาเฟียหนุ่มและออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงเจ้าตัวให้มานั่งบนเก้าอี้นวมตัวเดิม..ขณะที่ร่างของคาวัลโลยังไม่ผละจากอ้อมอกของเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงอยู่ในสภาพกอดกกซุกซบกันอย่างสมบูรณ์แบบ..

ความใกล้ชิดแบบนี้เป็นเหมือนอดีตที่ผ่านผันมานานนักแล้วสำหรับเขาทั้งคู่ เวลาเดือนกว่าๆที่ผ่านมาจะว่าเร็วก็เร็ว ช้าก็ช้าในความรู้สึก...

บางคราสุขนัก..มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะลอยมา บางครั้งก็เคร่งเครียด ทะเลาะวิวาท ไม่พอใจกันจนเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บางที นี่อาจจะเป็นครรลองของความรัก...วิถีทางของความรู้สึกที่ค่อยพัฒนานเรื่อยๆ

จากรู้จัก เป็นชิดใกล้ และค่อยขยับเจ้ามาหากันทีละน้อย แม้จะผละห่างเป็นบ้างครั้ง แม้จะแตกร้าวบ้างเป็นบางครา แต่ตอนนี้ก็ได้กลับมาใกล้ชิดกันในที่สุด..

...และใกล้มาก..มากกว่าที่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ..

ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

"...อือ...." เสียงครางงึมมันลอดออกมาจากรอมฝีปากบางเมื่อใบหูถูกงับเล่นและไล้เลียแผ่วเบา ชวนให้จั๊กจี้และขนลุกวาบ..

"...ยังไม่ได้ตอบผมเลย.." ชีคหนุ่มกระซิบถาม อ้อมกอดรัดรึงร่างเพรียวบนตักให้แนบแน่นขึ้นราวกับไม่ให้เหลือช่องว่างใดๆอีก

" ครับ..ผมจะคบกับคุณ..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันมามองสบอย่างหนักแน่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความจริงใจจนไม่อาจคิดได้ว่าเป็นคำโกหก " ผมจะพยายามรักคุณ..ผมจะรักคุณ...ผมจะเป็นคนรักของคุณ..."

" ถึงตอนนี้ผมจะไม่รู้ ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมันคือความรักรึเปล่า..แต่ผมยืนยันว่าคุณคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย..คุณคือคนเดียวที่ทำให้ผมร้องไห้ คนเดียวที่ทำให้ผมอยากจะรัก..และไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกแบบนี้.. นอกจากคุณ "

"...ผมรักคุณ...คาวัลโล..." ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากมน แผ่วเบา หากแต่หนักแน่น ย้ำชัดราวกับคำสาบานแทนนิจนิรันดร์..คำพูดของชีคแห่งเซเนียยานั้นช่างน่าฟังนัก..

"..ครับ...ขอบคุณ..." ปลายนิ้วเรียวทั้งสองค่อยสอดประสานกันอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากของคนทั้งคู่ค่อยเคลื่อนเข้ามาหากัน ทาบทับ ดูดดึงและเลียไล้ สัมผัสริมผีปากและปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน หากร้อนเร่าและค้นหา..

ควานหาทุกอย่างของคุณ... มองหาทุกความลับ.. สัมผัสทุกความอ่อนไหว..

ให้รู้ชัด..ว่าคุณเป็นของผม ว่าตอนนี้เราเป็นของกันและกัน..


นัยน์ตาที่หลับพริ้มเปิดออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเสียงลมหายใจหอบสั่น ผิวแก้มขาวขึ้นสีจัดด้วยอารมณ์หวามไหวและด้วยดวงตาสีนิลที่จับจ้องไม่ห่าง มันแสนรักใคร่และลึกซึ้งเสียจนใครก็ต้องใจสั่น

ลุกจากเก้าอี้บุนวมหนาพร้อมกับสืบเท้าไปยังเตียงนอนในห้อง หากริมฝีปากที่โฉบพริ้วทักทายกันก็ไม่ได้ผละห่าง มีเพียงปลายเท้าที่อ่อนโน้มเดินตามร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดรัดรึง..

เสียงลมหายใจหอบหนักขึ้นยามแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่ม ดวงที่หลับพริ้มเปิดขึ้นมาสบมองแววตารักใคร่หลงไหลของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาอย่างปลาบปลื้ม ปลายนิ้วแตะไล้ไหล่หนาและแผ่นอกแกร่ง กระหายอยากรู้ทุกส่วนสัดของชายผู้เป็นคนรัก ไม่ต่างจากฝ่ามือหนาที่สอดไล้ชายเสื้อขึ้นมาถึงแผ่นอก สัมผัสผิวขาวสะอาดตาและยอดอกสีสดน่าลองลิ้ม..

ครางออกมาเบาๆในลำคอ แต่เสียงที่ได้ฟังมีเพียงลมหายใจร้อนแรงที่รินรด ปลายนิ้วที่สะกิดยอดอกสีเข้มทำให้กระแสความอ่อนไหวแล่นพล่านทั่วร่าง เสื้อนอนสีอ่อนถูกถอดจากศรีษะไปให้พ้นตัวเหลือเพียงกางเกงขาวยาวเนื้อนิ่ม ไม่นานโธปสีน้ำตาลเข้มก็ถูกปลายนิ้วเรียวไล่แกะกระดุมออกจนสาบเสื้อแบออกกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งหนาน่าสัมผัสไม่แพ้กัน

"อืม...." ความเย็นวาบจากโลหะที่แขวนอยู่บนลำคอทำให้คาวัลโลครางฮือ มาเฟียหนุ่มผละริมฝีปากออกจากการเกี่ยวกระหวัด นัยน์ตาที่หรี่ปรือพร่าเลือนด้วยแรงอารมณ์กวาดปะทะสร้อยกางเขนสีเงินบนลำคอ ชายหนุ่มมองฝ่ามือสีเข้มและไล้มันเบาๆ ราวกับป็นคำถามที่ส่งมา

เงยหน้าไปสบมองแววตาคุกรุ่นของชีคหนุ่ม เขามองเห็นกุตราห์สีเข้มบนศรีษะของอัลชาอ์ นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบช้าๆราวกับครุ่นคิดสิ่งใด

"..ถอดไปเถอะ..." แตะปลายนิ้วที่เล่นไล้กางเขนเงินบนลำคอเล่นอย่างเพลินมือเบาๆ ทำให้นัยน์ตาสีเข้มก้มมาสบมองอย่างสงกาไม่น้อย หากแต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้ารับเมื่อชีคหนุ่มค่อถอดมันออกจากลำคอเขาและวางลงบนหัวเตียง..

..เช่นเดียวกับกุตราห์สีเข้มที่ถูกฝ่ามือของเขาดึงออกไปเช่นกัน..

สีหน้าของอัลชาอ์แฝงแววประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ชีคหนุ่มก็พยักหน้ารับ ริมฝีปากหนาโฉบลงมาทายทักเรียวปากบางที่เป็นสีจัดอีกครั้ง หลังจากจัดการถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งหมดที่มีในร่างให้เปลือยเปล่าทั้งคู่..

ร่างของสองบุรุษกอดกกกันแนบแน่นไม่ยอมผละห่าง ฝ่ามือและปลายนิ้วของทั้งสองลูบไล้เรือนร่างของกันและกันอย่างร้อนแรง ราวกับอัดอั้นและกระหายอยากไม่มีที่สิ้นสุด..

..ไม่มีชีค..ไม่มีมาเฟีย..

ไม่มีศาสนา ไม่มีประเพณีที่แตกต่าง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า..

ที่ตรงนี้ เวลานี้ มีเพียงผู้ชายสองคนที่กำลังสานสัมพันธ์รักกันเท่านั้น ..

ร่างของทั้งสองกกกอดกันแนบแน่นเสียจนไม่มีช่องว่าง แสงไฟสว่างที่สาดเข้ามาปะทะร่างทำให้เห็นผิวเนื้อทุกตารางนิ้วชัดเจน ทั้งผิวกายขาวจัดที่ตอนนี้ขึ้นสีเป็นสีชมพูทั่วกายด้วยแรงอารมณ์ และดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นที่งดงามเสียยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ สีระเรื่อของผิวเนื้อตัดกับผิวกายสีเหลืองนวลของชีคหนุ่ม ฝ่ามือหนาที่ทาบลงบนแผ่นอก ปลายนิ้วสะกิดและบดขยี้ยอดอีกสีสวยของมาเฟียหนุ่มอย่างเพลินมือให้คาวัลโลส่งเสียงครางฮืมในลำคอ ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวเนื้อนุ่มซึ่งบัดนี้ไม่หลงเหลือพื้นที่ใดให้ประทับตราลงไปอีกฝากรอยกลีบกุหลายสีสวยปรากฏชัดบนผิวอ่อนใส ท่อนขาของมาเฟียหนุ่มกอดไล้และสอดทับร่างสูงใหญ่ของอัลชาอ์ไว้ เสียดสีผิวกายร้อนผะผ่าวเข้าหากันสร้างอารมณ์หวาม ใบหน้าซุกซบลงยังไหล่หนา ริมฝีปากและจมูกซอกซุกสัมผัสซอกคอแกร่งและแผ่นอกหนาของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้

ฝ่ามือที่ระเรื่อยมาตามท่อนล่างทำให้ความรู้สึกเสียววูบยิ่งสาดปะทะ ร่างเพรียวครางสั่นในลำคอเมื่อมือหนาสัมผัสส่วนกลางลำตัวแล้วเริ่มหยอกล้อมันอย่างรวดเร็ว แว่วเสียงลมหายใจและเสียงหัวเราะในลำคอของชีคหนุ่มกระซิบใกล้หู คาวัลโลจึงเอื้อมมือไปหาส่วนนั้นของอัลชาอ์เสียบ้าง มาเฟียหนุ่มอดจะครางงึมงัมออกมาอย่างขัดใจไม่ได้ เมื่อสัมผัสถึงขนาดที่แม้ไม่ได้มองก็รู้ว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คิดแล้วฉุนเล็กๆจนอยากจะกลั่นแกล้งกลับบ้าง ฝ่ามือที่แตะสัมผัสจึงเข้าเกาะกุมมันและไล้เล่นกับส่วนนั้นของอัลชาอ์เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำกับเขา

เสียงหอบหายใจแรงสลับเสียงเสียดสีกันของผิวเนื้อดังแทนบทสนทนาที่ขาดหาย ริมฝีปากทั้งสองหันกลับมาพบกันอีกคราจากที่เลาะเล็มขบกัดผิวกายอีกฝ่ายหยอกเย้า บทรักเริ่มแปรเปลี่ยนจากการหยอกเอินสัมผัสเรือนกาย เป็นความเร่าร้อนของทั้งสองฝ่าย ด้วยจังหวะของฝ่ามือทั้งคู่ที่ปฏิบัติการกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายเต็มที่ ดูกันว่าใครจะสามารถอดทนกับคลื่นอารมณ์ที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆได้ไหว

".อ่ะ..." เสียงหอบหายใจแรงถี่กระชั้นและร่างที่เริ่มเกร็งแน่นของมาเฟียหนุ่ม ทำให้อัลชาอ์ขยับยิ้มสมใจ ฝ่ามือของชีคหนุ่มออกแรงกระตุ้นอารมณ์คนใต้ร่างสุดฝีมือกระทั่งแผ่นหลังของอีกฝ่ายหยัดโค้ง ใบหน้าของหนุ่มอิตาเลียนบิดเบี้ยวไปชั่วครู่เมื่อหยดน้ำสีขุ่นกลั่นตัวออกจากปลายยอดของกายตนในมือของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา อัลชาอ์ก้มลงเลียไล้มันอย่างไม่รังเกียจซ้ำยังดูดดุนจนร่างเพรียวถึงกับสะท้านเฮือกบิดตัวร้องอุธรณ์ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว

"..อือ....พอแล้วครับ...อัล...ชาอ์..." ริมฝีปากบางเอ่ยห้ามเมื่อชีคหนุ่มคิดจะรีดทุกหยาดหยดออกจากกายตนทั้งที่บทรักเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่มัวพร่าด้วยหยดน้ำตาพยายามสบมองดวงตาสีนิลที่ฉายแววลามกของชายหนุ่มบนร่างตน คาวัลโลเม้มปากแน่น ฝ่ามือเอื้อมไปจิกกระชากเส้นผมสีดำสนิทนั้นเบาๆเมื่ออัลชาอ์กวาดปลายลิ้นลงไปยังช่องทางคับแคบด้านหลังไล้เลียแค่เพียงภายนอกแต่แค่นั้นก็ทำให้เขาต้องครางฮืออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว..

"...ขี้โกง...อ่า...." ริมฝีปากที่เอ่ยคำบริภาษนั้นกลายเป็นเสียงครางวะหวิว เมื่อปลายนิ้วยาวสะกิดยอดอก ทั้งลูบไล้เพียงแผ่วเบาและบีบดึงอย่างรุนแรง ทำให้ความซ่านสยิวแล่นวูบทั่วร่าง ประกอบกับปลายนิ้วที่กดลงบนช่องทานด้านหลังเบาๆแต่ความเจ็บแล่นพล่านไปถึงกระดูกสันหลัง

นิ้วเรียวค่อยสะกิดไล้และสอดกายลึกเข้าไปในช่องทางที่ไม่เคยมีใครสัมผัส คาวัลโลครางฮือใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนซ่านสยิว เขาสบมองนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นที่จับจ้องพร้อมกับเอ่ยเสียงกระซิบปลอบโยนและเชยชม มาเฟียหนุ่มสั่นระริกไปทั้งตัวยามที่ส่วนกลางลำตัวของชีคหนุ่มซึ่งชโลมเจลหล่อลื่นกำลังตระหง่านอยู่เบื้องหน้าช่องทางของตน...

สีหน้าซีดเซียวปนยอกแสยงของมาเฟียหนุ่มทำให้อัลชาอ์ต้องก้มลงกอดจูบปลอบกระซิบ ปลายนิ้วเรียวที่สอดใส่เข้าไปทำความเคยคุ้นขยับเข้าออกช้าๆเพื่อสร้างอารมณ์หวามไหว และเมื่อดวงตาสีน้ำทะเลงดงามคู่นั้นหรี่ปรือลงด้วยแรงพิศวาสอีดครั้ง แก่นกายหนาจึงค่อยกดเข้าไปยังช่องทางร้อนอย่างช้าๆ...

แม้จะไม่ดึงดันรุนแรง ทว่าชนาดที่แตกต่างกับนิ้วมากนักก็ยังทำให้ร่างเพรียวตัวสั่นระริก จุกเสียดเสียจนหน้าเขียว กว่าจะขยับผ่านร่างที่เกร็งแน่นมาได้ อัลชาอ์ก็แทบจะพ่นลมหายใจพรู แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ด้วยเพราะความรุ่มร้อนที่รัดรึงอยู่นี้ช่างเย้ายวนนนักจนไม่อาจจะปล่อยตัวปล่อยให้ใจไม่เพลิดเพลินกับมันได้

ค่อยขยับ...ช้าๆหากแต่เสียงครางสั่นที่พยายามเก็บไว้ในลำคอของคาวัลโลก็ยังดังลอดออกมาจนน่าสงสาร เนื้อตัวสั่นเทาเป็นสีจัดของหนุ่มอิตาเลียนตรงหน้าน่าหลงไหลพอๆกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่หรี่ปรือมีหยาดน้ำใสคลอเอ่อ ริมฝีปากเม้มแน่นหากบางคราก็ต้องเปล่งเสียงครางวะหวิว ใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนเสียวซ่านทั้งน่าสงสารหากแต่เย้ายวนนัก ชวนให้ขยับกายแทรกเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายลึกกว่านี้..ให้แสดงอารมณ์อันหลากหลายและใบหน้าที่ตนเองไม่เคยเห็นมากกว่านี้...เพื่อจะได้เก็บทุกมุมทุกความทรงจำตราประทับไว้ในหัวใจ เพื่อจะได้รู้จักชายตรงหน้าในทุกแง่มุมที่ไม่เคยสัมผัส

เสียงครางแผ่วหวานลอดออกมาจากลำคอบางแต่ก็ไม่อาจพ้นการรับรู้ไปได้ เสียงเนื้อเสียดสีกระทบกันคลอไปกับเสียงสมหายใจหอบสั่นและผ่าวร้อนของคนทั้งคู่ ยิ่งกดแทรกกายลึกเสียงหวานของมาเฟียหนุ่มตรงหน้าก็ยิ่งดังสะท้านเป็นห้วงๆ น่าฟังเสียจนกระทั่งผู้ใดผ่านมาได้ยินคงจะหน้าแดงวาบด้วยความอาย เสียงร้องผะผ่าวกระตุ้นให้บทรักยิ่งร้อนเร่าและทะยานไปสู่จุดหมาย ขาเรียวที่พาดลงบนไหล่หนาถูกรั้งสูงขึ้นเมื่อความรู้สึกยิ่งพุ่งทวีขึ้นสูงมากมายจนยากจะหยุด..

"...อ๊าาา....ผม...อือ...อัล..ชาอ์.." เสียงร้องแหบพร่าสะท้านสั่นของคาวัลโลยิ่งเร่งเร้าให้เลือดในกายเดือดพล่าน ชีคหนุ่มกระโจนจ้วงขยับกายโถมเข้าหาช่องทางอุ่นร้อนที่รัดรึงกายของตนอย่างรุนแรงและรวดเร็ว นัยน์ตาสีนิลสบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์รักอันยั่วเย้าของคาวัลโล วาลกัสเขม็ง ก้มกายลงไปแนบชิด เรียวปากทาบทับกดย้ำบนริมฝีปากบางที่สั่นระริกไหว..

"...ฮื้อ!! " เพราะริมฝีปากถูกดูดดุนปลายลิ้นพัวพันกันแนบแน่นเสียงครางจากลำคอจึงออกมาไม่มากนัก หากร่างเพรียวที่สั่นระริกไหวสีหน้าสุขสมฉายชัดทำให้ร่างสูงของชีคแห่งเซเนียยากดกระแทกกายเข้าออกหนักๆย้ำลึกไม่กี่คราความรุ่นร้อนที่บีบรัดร่างกายของตนไว้ก็ทำให้หยดน้ำสีขาวขุ่นปลดปล่อยลงสู่ช่องทางร้อนได้ไม่ยาก..

".......คาวัลโล...คาวี่......." เสียงกระซิบผ่านลมหายใจที่หอบสั่นสะท้านไปทั่วร่างด้วยความสุขสมอันรุนแรงและสมปราถนา ช่างเด่นชัดจนทำให้ดวงตาสีน้ำทะเลที่ปรือปิดลงด้วยความอ่อนไหวเปิดขึ้นมาสบมองอีกครั้ง

แววตาสีนิลที่เต็มไปด้วยความรักและความพึงใจทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มออกมาเพลียๆ คาวัลโลซุกตัวอ้อนร่างแกร่งที่ทาบทับ..ก่อนจะครางออกมาเบาๆยามที่ร่างสูงถอดกายออกจากร่างของตนช้าๆ..

"...คาวี่? " สีหน้าของคนฟังฉายแววสงสัยรวมทั้งน้ำเสียงที่เอย แม้ดวงตาจะปรือปิดลงอีกครั้งแล้วก็ตามที..ทำให้ชีคหนุ่มยิ้มเอ็นดู

"...ชื่อนี้ขอผมเรียกคนเดียวนะ.." ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มไล้ไปถึงกกหู ก้มกระซิบแผ่วเบา

"..คุณตั้งให้ผม...? " น้ำเสียงที่ถามออกมาช่างแสนน่ารักจนอกจะยิ้มออกมาไม่ได้ อัลชาอ์พยักหน้ารับ กอดรัดร่างของมาเฟียหนุ่มแนบอกไม่ยอมปล่อย

"...ใช่...คาวี่....ชื่อนี้ของผมคนเดียว..."อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของเจ้าแมวน้อยที่บัดนี้สิ้นฤทธิ์ได้แต่นอนกระปลกประเปลี้ย นัยน์ตาหรี่ปรือและหอบหายใจเบาๆใต้ร่างของตน ใบหน้ายังคงเป็นสีชมพูจัดจากกิจกรรมที่ผ่านพ้น ริมฝีปากบวมเห่อเป็นสีแดงจัดจากจูบแนบแน่นไม่ยอมผละจาก เส้นผมที่เริ่มยาวขึ้นเเนบต้นคอเปียกชื้นด้วยเหงื่อ ทั้งน่ารักยั่วเย้าและน่าหลงไหลนัก

"...อืม....." พยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับบนหน้าผาก คาวัลโลซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดแกร่งที่คว้าผ้าห่มมาคลุมร่างนัยน์ตาสีน้ำทะเลมองออกไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่ปิดไว้หากสะท้อนภาพสายฝนหล่นโปรยไม่ขาดสาย..

ตวัดสายตามองเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อน ลำคอที่ว่างเปล่าชวนให้นึกกระหวัดไปถึงสร้อยกางเขนที่มักจะติดตัวอยู่เสมอ..

สิ่งนั้นเแป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งจะคอยเตือนให้เขาจดจำ"บ้าน" และตำแหน่งบอสที่ต้องการ

...นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อยด้วยครุ่นคิดและความกังวลที่แล่นวาบ..หากสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ ปัดทุกอย่างทิ้งไปจากสมอง

เมื่อทิ้งแล้วก็อาอาลัยอาวรณ์ ตัดสินใจแล้วก็อย่าได้หันหลังกลับ..ขอเรื่องของเขากับอัลชาอ์เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายที่คาวัลโลจะต้องมาเสียใจภายหลัง ต้องกลับหลังจากได้ปฏิเสธมันไป..

มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงและกอดแนบแผ่นอกแกร่งแน่นขึ้นเป็นการปัดทุกสิ้งออกจากห้วงคิด...ให้หัวสมองว่างเปล่า คิดออกแต่เพียงอ้อมแขนและชายที่กอดเขาอยู่เท่านั้น

เปลือกตาที่เคยเปิดออกปิดลงแล้ว แพขนตาที่ทิ้งทาบลงบนผิวแก้มและลมหายใจยาวก็บ่งชัดว่าเขาจะหลับ หากแต่สัมผัสวาบที่กลางร่างกลับทำให้หนังตากระตุกถี่ยิก รู้สึกถึงฝ่ามือและปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้เล่นกระตุ้นส่วนกลางของร่างกายให้ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง คาวัลโลอ้าปากค้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของชีคหนุ่มที่ยิ้มน้อยๆ...สบตาตนเองด้วยดวงตาหวานระยับ..หากแต่รอยยิ้มนั้นมันดูไม่น่าวางใจเสียเลย

"...เอ่อ..อัล...ชาอ์...." ถึงขนาดน้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ชีคหนุ่มที่กำลังใช้ปลายลิ้นเลียไล้ใบหูของเขาและออกแรงขบเบาๆก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตนเองแต่อย่างใด

"...หืม? " รับคำพลางกดประทับรอยจูบลงบนต้นคอขาว ขณะที่ฝ่ามือป่ายปะยิ่งรุกเร้าหนักขึ้น

" ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมเหนื่อยน่ะ? ...แบบว่านอนเฉยๆไม่ดีกว่าเหรอ อ่ะ..เฮ้ย! " ร้องเหวอเมื่อร่างของชีคหนุ่มขยับคร่อมกายทาบทับพร้อมกับสองมือประกบฝ่ามือของตนแน่น คาวัลโลสบตาของชีคหนุ่มผูที่ยิ้มหวานมาให้อีกครั้ง แต่ก็เช่นเดิม..คือมันดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าปลื้ม

" ผมคิดมานานแล้วนะ.."อัลชาอ์กระซิบเสียงเบาพลางขบเม้มริมฝีปากแดงจัด ก่อนจะหันมาจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววหวาดๆปนตกตะลึงเคอะเขิน

" คิดว่าสักวันถ้าได้กอดคุณจริงๆ...จะ"เล่น"ทั้งคืนจนหมดแรงเลยล่ะ "

"......" สิ้นเสียงกระซิบนั้นผู้ฟังก็ยิ้มค้าง อ้าปากหวอไปเสียแล้ว ยิ่งสบมองรอยยิ้มหวานและนัยน์ตาที่ฉายแววเอาจริงของชีคหนุ่ม คาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้อึดชนิดแมลงสาบยังชิดซ้าย และเผชิญอันตรายมานับไม่ถ้วน ก็ต้องเริ่มคิดถึงความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเป็นอย่างแรก..

หรือเขาจะเป็นผู้ชายคนแรกที่จะพิสูจน์ว่าทฤษฎี ตายคาอก น่ะมันเป็นจริง

"....เอ่อ..ผมว่ามัน....อุ๊บ!! ...." จะขยับตัวหนีก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะแค่อ้าปากพูดริมฝีปากคู่นั้นก็ตามมาประกบ คาวัลโลครางในลำคอเบาๆอย่างรันทดท้อ สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม บ่งชัดว่า "เวลา"ในค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนานนัก...

..นี่เขาเริ่มเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้แล้ว...จริงๆนะ...

...............


MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com

ใครอ่านจบแล้วม้นที่นี่ได้เลยจ๊ะ ^ ^ หรือจะไปที่เด็กดีก็ได้