"You could not step twice into the same river; for other waters are ever flowing on to you"
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553
Reach Out for The Black sky
‘ฉันเอื้อมไม่ถึงหรอกน่ะ ‘
รัตติกาลสีนิลกางปีกปกคลุมผืนนภา จากสีฟ้าสดใส...ไปสู่สีดำสนิท..
จากเมฆสีขาว..ไปสู่เมฆาสีเลือดแปลกตา...
จากดวงตะวันที่สาดแสงจ้า...ไปยังจันทราส่องแสงนวล..
จากสายลมที่โบกพัดคลายร้อนแผ่วเบา...สู่วายุคลั่งที่พัดทำลาย..
จากสายหมอกสีขาวจางงามตา..แปลงเป็นหมอกดำคร่ำคำลวง..
จากสายอัสนีแปลบปลาบประดับฟ้า..สู่แสงจ้าทรงพลังมุ่งทำลาย...
....หากพิรุณยังคงไม่เปลี่ยนไป..สงบนิ่ง..หรือเคลื่อนไหว..ไม่ต่างกัน...
จะเปื้อนคาวโลหิตหรือสาดซัดเพียงแผ่วเบา..สายฝนนั้น...มิได้เปลี่ยนแปรผัน...
....ท้องฟ้า..ขับสายฝนลงมายังแผ่นดิน..
....อาจมาจากเมฆา แล้วมาพบปะดวงตะวัน รู้สึกถึงสายลมพัดผ่าน ทักทายอัสนีบาต กระทั่งเห็นเงาหมอกจางๆ..
.....แต่ไม่เคยได้สัมผัสท้องฟ้า...
....เพราะไม่ต้องการฝน...ฟ้าจึงปล่อยสายฝนลงมา...
......เพราะไม่ต้องการโอบอุ้ม...จึงผละห่าง....
......เพราะไม่อยากรักษา..จึงปล่อยปละทิ้งไป..
.....เพราะไม่สนใจ..จึงไม่เห็นค่าใดๆในตัวตน...
....ฉันจึงไม่มีวันเอื้อมถึง...
พยายามแล้ว คว้าก็แล้ว..เอื้อมออกไปจนสุดแรงก็แล้ว...ก็ยังมีเพียงความว่างเปล่า..
มองจนสุดตาก็มีแต่เส้นแบ่งกั้นมากมาย..
ฟ้าอยู่สูงเกินไป..จะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่อาจก้าวพ้น..
...มองไปยังฟากฟ้า..มองไปที่ตรงนั้น...เงยหน้ามองฟ้าแล้ววิ่งตาม...วิ่งไป...วิ่ง...วิ่ง...
...มือก็คว้า...เท้าก็วิ่ง...ปากก็ร้องตะโกน...
...บางครั้งกระโดดขึ้นจนสุดแรง...ยื้อขึ้นจนสุดแขนก็ยังไม่ถึง...
...วิ่งไป...วิ่งไป...วิ่ง...
....ตามองแต่ท้องฟ้า..พอจะโดดขึ้นคว้าอีกครากลับต้องใส่แง่หินจนล้มโครม...
..อยู่ห่างเกินไป...อยู่ไกลเกินไป...
ขอบฟ้า..ทะเลกั้น..แผ่นดินขวาง..
...จะวิ่ง...จะร้องตะโกน..จะเอื้อมมือให้สูงแค่ไหน...ฟ้าก็สูงเกินไปอยู่ดี..
ไม่เคยถึงฟ้า...
...ไม่เคยเอื้อมถึง....
ต่อให้ยืนอยู่ข้างๆก็ยังเหมือนมองไม่เห็น...
ต่อให้ตะโกนจนสุดเสียง...ก็ทำเสมือนไม่ได้ยิน..
....ต่อให้มองตรงมา..ก็มีเพียงหางตาไว้เหลือบแล...
...แกไม่เคยมองเห็นฉัน...
กี่ปีแล้วที่ฉันยืนอยู่ตรงนั้น..ยืนอยู่ที่เดิม..ทำในสิ่งเดิมๆ..ยอมทำทุกอย่างราวกับเครื่องจักรที่ไร้ชีวิตเพียงเพื่อจะอยู่ข้างๆแก..เพียงเพื่อจะรอแก..
แต่สายตาของแก..ไม่เคยมองมาที่ฉัน...
...นัยน์ตาของแกมองแต่ฟากฟ้า..สายตามีแต่ความคั่งแค้น..ความชิงชัง..
...ไร้รัก....ไร้สุข...
..ฉันไม่รู้...แกมองเพื่ออะไร...มองทำไม...
..ทั้งที่รู้...ชั้นรู้...แกรู้...ว่าเรา...
.....ไม่เคยเอื้อมถึง.....
บางครั้งชั้นนึกเกลียดท้องฟ้า บางวันนึกอิจฉา บางคราก็นึกหวาดหวั่น
..แกที่จ้องมองมันอยู่ตลอดเวลา..
...แต่เหนือกว่านั้นคือความชิงชัง...
ท้องฟ้าที่พรากทุกสิ่งไปจากฉัน..
มองไม่เห็น..ยังไงก็มองไม่เห็น.....แกไม่เห็น..ชั้นก็ไม่เห็น...
ทางข้างหน้ามันมืดบอด..เส้นทางตามคว้าท้องฟ้ามันแคบลง...แคบลงทุกขณะ..
...มันแคบ...จนเดินได้เพียงคนเดียว....
....ที่เป็นพิรุณ...ที่เป็นสายฝน..เพราะไม่ใช่สิ่งที่ต้องโอบอุ้ม..
..สายฝนไม่ได้อยู่ใต้ผืนนภา..
แต่ถูกผืนฟ้าทอดทิ้ง...ปล่อยลงมา..และไม่เคยกลับไป..
สายฝนไม่เคยกลับไปหาฟากฟ้าในสภาพเดิม..
มันเปลี่ยนแปลง..เปลี่ยนไป...จนเมื่อรับมาแล้วไม่ต้องการ..จึงขับออกไปเหมือนเดิม..
...หรือชั้นจะต้องเปลี่ยนไปบ้าง...แกถึงจะมองเห็น....
...ว่ากันว่าสายฝนคือน้ำตาของท้องฟ้า...
...แต่แกที่ไม่มีน้ำตา..สายฝนที่หล่นร่วงลงมา..คืออะไร..?
เมื่อนภาไร้ซึ่งน้ำตา..แล้วสายฝนที่หล่นร่วงลงมาจะมีความหมายหรือไร..
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
นาฬิกาใกล้จะหยุดหมุน..
ภายใต้เสียงสาดซัดของน้ำ สัมผัสเดียวที่ตระหนักรู้..คือน้ำหนักของสร้อยโลหะที่หายไปจากร่างกาย....
...ท่ามกลางคมเขี้ยว และความตายเบื้องหน้า..สิ่งสุดท้ายที่ประจักษ์ในสายตา...คือสีแดงชาดและความเฉยชาเช่นทุกเมื่อเชื่อวัน....
...บางที...แกอาจจะดีใจ..
..ดีใจที่สายฝนซึ่งไม่เป็นที่ต้องการอย่างฉัน..จะหายไปไกลตาเสียที...
..ในเมื่อไม่ต้องการโอบอุ้ม..แกจึงไม่เคยโน้มตัวลงมาให้ชั้นสัมผัส..
...สัมผัสสุดท้ายคือสายน้ำที่ลอยวนและกลิ่นคาวเลือดที่คุ้นเคย...
...สุดท้ายแล้ว...ฉันก็เอื้อมไม่ถึง...
...มืด...มืดมิด...ไม่เห็นอะไรเลย...
...รู้สึก..สัมผัสได้..ว่ายังมีตัวตน...แต่ไม่อาจพบเจอ..ไม่อาจมองเห็นว่าเป็นเช่นไร..
มีแต่สีดำ...มีเพียงทิวทัศน์ที่มืดบอด..
ปกคลุม..แผ่กว้าง...จนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดเลย..
...ฉันไม่เคยเกลียดสีดำ...
..แต่ก็ไม่ได้ชอบมันเช่นกัน...
สีดำคือสีของแก..เช่นนั้นสีแดงคือสีของชั้น..
สีดำที่มืดบอด..ไม่อาจเข้าถึง..ไม่อาจสัมผัสถึงตัวตน..
...สีแดงที่เปื้อนกลิ่นคาวของความตาย..ศพแล้ว..ศพเล่า..ที่เหยียบย่ำเพื่อยืนอยู่ข้างแก..
..เหยียบย่ำ...ทำร้าย..
..ให้ซากศพมันสูงขึ้น..ก่อทางเป็นบันใด..เหยียบซ้ำลงไปเพื่อคว้าท้องฟ้าสีดำที่ไม่เคยโน้มกายลงมา..
...แต่สุดท้ายแล้ว...
ชั้นก็เอื้อมไม่ถึง...
========================================
....ชั้นกำลังทำอะไรอยู่....
...เมื่อเดินทางเหยียบย่ำลงบนถนนที่เจิ่งนองด้วยเลือด..
...บางครั้งก็นึกไม่เข้าใจตัวเอง..ชั้นกำลังทำอะไร...เพื่อใคร...
แต่พลันเมื่อได้สบมองแววตาสีโลหิต..
...ชั้นก็ได้รู้...ว่าเกิดมาเพื่ออะไร...
...และจากนั้น..ชั้น...ก็เริ่มเอื้อมมือคว้าท้องฟ้าสีดำ..
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ..
....ว่ายังไง..ก็เอื้อมไม่ถึง...
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
...ชั้นไม่เคยเกลียดสีดำที่มือบอด..
....ไม่เคยเกลียดสีแดงที่เปื้อนด้วยคาวโลหิต...
...ไม่เคยเกลียดสีฟ้าของท้องนภาอันสดใส..
....แต่ฉันเกลียดสีเงินของเส้นผมตัวเอง...
...ชั้นมีแต่ความปรารถนา..มีแต่ความต้องการ..แต่ไม่เคยมีความรัก..ความฝัน..
แต่มาวันนี้..ความฝันนั่น.
กลับเข้ามาย้ำซ้ำทำร้ายอยู่ร่ำไป...
..ความฝันที่ความเจ็บปวดมันเป็นเรื่องจริงจนน่าขัน..
...ความฝันงี่เง่าบ้าบอที่ทำให้เส้นผมสีเงินที่น่ารังเกียจของชั้นยังงอกยาวไม่มีสิ้นสุด..
...ความฝันที่ตรึงร่างของชั้นให้แน่นิ่งไร้กำลัง มีเพียงสติที่ยังต้องรับรู้..ทั้งที่ทำอะไรไม่ได้..
...ความฝันที่ทำให้ชั้นต้องคร่ำครวญอย่างเดียวดายใต้ท้องฟ้ากว้างสีนิลกาฬซึ่งกำลังร่ำไห้ไร้คนปลอบโยน....
//////////////////////////////////////////////////////////////////
‘ไร้สาระ‘
แกบอกไว้แบบนั้น..
...บางที...มันก็อาจจะเป็นเรื่องจริง...
..ชั้นบอกไปว่าเข้าใจ..แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก..
..ชั้นเข้าใจความโกรธเกลียด ...เข้าใจความเคียดแค้นจากการถูกหักหลัง...
...แต่ชั้นไม่เข้าใจมันทั้งหมด..
ชั้นหลงใหลความโกรธ..ความเคียดแค้นของแก..
มันอาจจะจริง...แต่ไม่ใช่ทั้งหมด...
แต่ความปรารถนาของชั้น..มันไม่เคยไปถึงแกที่อยู่ห่างไกล...
....เพราะต่อให้สูงแค่ไหน...ก็ไม่เคยไปถึงนภานั่นเลย..
สิบกว่าปีที่พยายามเอื้อมมืออกไปคว้าท้องฟ้า มันช่างสูญเปล่าจนน่าใจหาย..
..ความปรารถนาหนึ่งเดียวของชั้นช่างห่างไกล จนไร้ความต้องการจะเดินต่อ..
...เอื้อมไม่ถึง...
บางที..
อาจจะถึงเวลาที่ต้องหยุดเดิน...
แม้จะเดินออกมาก็ปราศจากคำล่ำลาหรือทักทาย..
แม้จะออกมาเผชิญกับความตายก็ไร้ซึ่งคำอวยพรอ่อนหวาน..
..แต่ชั้นก็ชินชากับความเงียบเฉยของท้องฟ้านั้นเสียแล้ว..
,,,ท้องฟ้าที่ทิ้งเม็ดฝนลงมา..ไม่เคยก้มมองดูว่าสายฝนจะไปทางไหน..
...สุดท้าย..จึงได้แต่ละลาย..ระเหยออกไป...ตามลม....
.....ชั้นเดินออกมา..
...มันคงเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้าย...
...ทั้งที่ชั้นก็รู้ดีแก่ใจ..
....ว่าเอื้อมอย่างไรก็ไม่ถึง...
..ท้องฟ้าสีนิลที่น่าหลงใหลและน่าชังนั่น..
..ไม่เคยชายตามองสายฝนที่ตนไม่ต้องการเลยสักครั้งเดียว..
วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553
ฉันเลือกเธอ..มากกว่าคนทั้งโลก..
ถ้าเธอเลือกที่จะกระทำความผิดที่ร้ายแรงที่สุดลงไป...
ฉันจะไม่โทษเธอที่เลือกที่จะกระทำสิ่งนั้น แต่ฉันจะโทษตัวฉันเองที่ไม่อาจห้ามเธอได้...
ถ้าเธอหลงใหลในพลังอำนาจและเลือกที่จะต่อสู้...
ฉันจะไม่โทษเธอที่เลือกที่จะต่อสู้ แต่ฉันจะขอยืนหยัดในสนามรบนั้นเคียงข้างเธอ...
ถ้าเธอได้กระทำสิ่งที่ผู้คนไม่อาจให้อภัยเธอได้ลงไป...
ฉันจะไม่โทษเธอที่ทำผิดพลาด แต่ฉันจะโทษคนเหล่านั้นที่ไม่อภัยให้เธอ...
ถ้าเธอต้องถูกคนทั้งโลกประณามและต่อว่า...
ฉันจะไม่โกรธเธอไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร แต่ฉันจะโทษพวกเขาที่ต่อว่าเธอและฉันก็พร้อมเสมอที่จะถูกประณามไปพร้อมๆ กับเธอ...
แม้สิ่งที่เธอทำมันจะผิดในสายตาของคนอื่น แต่มันคือความถูกต้องในสายตาของฉัน...
แม้เธอจะเปรียบเสมือนสีดำของโลกใบนี้ แต่เธอคือสีขาวสำหรับฉัน...
ตราบใดที่บนโลกใบนี้ไม่มีใครเข้าใจเธอ...
ฉันคนนี้....จะขอเป็นคนเพียงคนเดียวที่เข้าใจเธอ...
ฉันผิดหรือไง?... ที่จะเลือกเธอมากกว่าคนทั้งโลก...
.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)